หมายเหตุสำคัญ!
เราใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดบนเว็บไซต์ของเรา
ด้วยการคลิกที่ ‘ตกลง’ คุณได้ยอมรับการใช้คุกกี้ของเราตามที่อธิบายไว้ใน นโยบายคุกกี้
ในช่วงที่ผ่านมา คู่สกุลเงิน AUD/USD ปรากฏรูปแบบการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนในทิศทางขาลงภายใต้กรอบ Descending Channel ด้วยการเคลื่อนไหวในช่วงแคบระหว่าง 0.6235-0.6405 ตลอดสัปดาห์ที่ 17-21 กุมภาพันธ์ 2568 สถานการณ์นี้เป็นผลมาจากการบรรจบกันของปัจจัยทั้งทางเทคนิคและพื้นฐานที่เอื้อต่อแรงกดดันต่อค่าเงินออสเตรเลียนดอลลาร์
การเคลื่อนไหวของคู่สกุลเงินได้รับอิทธิพลอย่างมากจากการตัดสินใจเชิงนโยบายการเงินที่สวนทางกันระหว่างธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) และธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) โดย RBA ได้ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ย 25 จุดฐานเหลือ 4.10% เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ซึ่งถือเป็นการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2563 แม้การลดอัตราดอกเบี้ยจะมาพร้อมกับถ้อยแถลงเชิง “Hawkish” ที่เน้นย้ำถึงความระมัดระวังในการดำเนินนโยบายต่อไป แต่ตลาดยังคงประเมินว่า RBA จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกประมาณ 80 จุดฐานในปี 2568
ในขณะเดียวกัน ทางฝั่งสหรัฐอเมริกา Fed ยังคงแสดงท่าทีระมัดระวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย หลังจากข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดแสดงถึงความยืดหยุ่นของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะตลาดแรงงานและตัวเลขเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมาย ส่งผลให้ตลาดลดความคาดหวังการลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ในปี 2568 เหลือเพียง 50 จุดฐาน ทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างสองประเทศ (Interest Rate Differential) กลับยิ่งเอื้อประโยชน์ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
นอกจากนี้ ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่เพิ่มขึ้นจากการประกาศขึ้นภาษีนำเข้า 15% ต่อสินค้าจีนมูลค่า 300,000 ล้านดอลลาร์ ได้สร้างความไม่แน่นอนในตลาดการเงินโลก ส่งผลให้นักลงทุนเกิดความกังวลต่อผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับออสเตรเลียซึ่งเป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์ทางการค้าอย่างใกล้ชิดกับจีน โดยตลาดประเมินความเป็นไปได้ถึง 60% ที่จีนอาจใช้มาตรการตอบโต้ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าเกษตรของออสเตรเลีย
ในด้านสินค้าโภคภัณฑ์ แม้ออสเตรเลียจะมีการส่งออกแร่เหล็กที่เพิ่มขึ้นถึง 971.9 ล้านเมตริกตันตามประมาณการปี 2568 ซึ่งได้รับแรงหนุนจากความต้องการเหล็กคุณภาพสูงของอินเดีย แต่ปัจจัยบวกนี้ถูกลดทอนด้วยการอ่อนค่าของเงินหยวนจีน (-2.3% YTD) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการรับมือกับภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ส่งผลให้ AUD มีแนวโน้มอ่อนค่าลงตามไปด้วยจากความสัมพันธ์ของสกุลเงินในภูมิภาค
ความซับซ้อนของปัจจัยเหล่านี้ทำให้ AUD/USD ยังคงเผชิญแรงกดดันขาลงในระยะสั้นถึงระยะกลาง โดยนักลงทุนควรให้ความสำคัญกับการติดตามข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในช่วงสัปดาห์ข้างหน้า รวมถึงการวิเคราะห์ทางเทคนิคอย่างละเอียดเพื่อระบุจุดเข้าซื้อขายที่เหมาะสมในสภาวะตลาดที่มีความผันผวน
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาและสัปดาห์ที่กำลังจะมาถึง มีเหตุการณ์เศรษฐกิจสำคัญหลายประการที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของคู่สกุลเงิน AUD/USD โดยนักลงทุนควรให้ความสนใจเป็นพิเศษกับเหตุการณ์ดังต่อไปนี้
เหตุการณ์สำคัญที่ผ่านมา (17-21 กุมภาพันธ์ 2568)
การประชุมนโยบายการเงินของ RBA (18 กุมภาพันธ์) การตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางออสเตรเลีย 25 จุดฐานสู่ระดับ 4.10% นับเป็นการปรับลดครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปี ผู้ว่าการ Bullock ได้เน้นย้ำว่าการตัดสินใจนี้เป็นการ “ลดอัตราดอกเบี้ยแบบ Hawkish” โดยยังคงให้ความสำคัญกับความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ RBA ยังได้ปรับลดการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Trimmed Mean CPI) สำหรับปี 2568-2569 ลงเหลือ 2.7% จากเดิม 2.9% แม้จะมีท่าทีระมัดระวัง แต่ตลาดยังคงคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีก 80 จุดฐานภายในปีนี้
ข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ (19 กุมภาพันธ์) ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ (NFP) ที่แข็งแกร่งกว่าคาดและอัตราการว่างงานที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 3.7% ได้สร้างความเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่งผลให้นักลงทุนลดความคาดหวังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ในการประชุมเดือนมีนาคม 2568 ข้อมูลนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ รวมทั้ง AUD
รายงานการเงินเฟ้อผู้บริโภคสหรัฐฯ (20 กุมภาพันธ์) ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมกราคม 2568 ของสหรัฐฯ รายงานที่ระดับ 0.3% MoM และ 3.1% YoY สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 0.2% และ 3.0% ตามลำดับ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเงินเฟ้อยังคงมีความยืดหยุ่นและลดลงช้ากว่าที่ Fed คาดหวัง ข้อมูลนี้ยิ่งเสริมความเชื่อว่า Fed อาจชะลอการลดอัตราดอกเบี้ยออกไป ส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นและหนุนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
การประกาศนโยบายภาษีการค้าของสหรัฐฯ (21 กุมภาพันธ์) การประกาศขึ้นภาษีนำเข้า 15% สำหรับสินค้าจีนมูลค่า 300,000 ล้านดอลลาร์โดยรัฐบาลสหรัฐฯ ได้สร้างความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าที่อาจกลับมารุนแรงอีกครั้ง ความตึงเครียดทางการค้านี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อออสเตรเลียซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญของจีน โดยเฉพาะในด้านการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดการไหลของเงินทุนเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัย และกดดัน AUD ในฐานะสกุลเงินที่มีความเสี่ยงสูง (Risk Currency)
เหตุการณ์สำคัญที่กำลังจะมาถึง (24-28 กุมภาพันธ์ 2568)
รายงานการประชุม RBA (25 กุมภาพันธ์) ตลาดจะให้ความสนใจอย่างยิ่งต่อรายละเอียดของการหารือระหว่างการประชุมนโยบายการเงินครั้งล่าสุดของ RBA เพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับเกณฑ์ที่ชัดเจนสำหรับการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป โดยเฉพาะตัวชี้วัดเกี่ยวกับตลาดแรงงานและอัตราเงินเฟ้อ หากรายงานแสดงความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ อาจส่งผลลบต่อ AUD
ข้อมูลการลงทุนภาคธุรกิจออสเตรเลีย (27 กุมภาพันธ์) การคาดการณ์การลงทุนของภาคธุรกิจในไตรมาส 4 ของปี 2567 ที่ระดับ 1.8% QoQ จะเป็นตัวชี้วัดสำคัญของความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจและแนวโน้มการเติบโตในระยะกลาง หากตัวเลขออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ อาจทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจออสเตรเลียและเพิ่มแรงกดดันต่อ RBA ให้ดำเนินนโยบายที่ผ่อนคลายมากขึ้น
การปรับประมาณการ GDP สหรัฐฯ ไตรมาส 4/2567 (27 กุมภาพันธ์) ตลาดคาดการณ์ว่าอัตราการเติบโต GDP ไตรมาส 4 ของสหรัฐฯ จะถูกปรับลดลงเหลือ 2.3% จากตัวเลขประมาณการครั้งแรกที่ 3.3% การปรับลดลงนี้อาจสร้างความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงชั่วคราว หากข้อมูลเป็นไปตามคาดการณ์หรือดีกว่า อาจช่วยให้ AUD ฟื้นตัวได้เล็กน้อย
ดัชนีราคาการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) สหรัฐฯ (28 กุมภาพันธ์) PCE ถือเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อที่ Fed ให้ความสำคัญมากที่สุด โดยตลาดคาดการณ์ว่า Core PCE จะอยู่ที่ 0.3% MoM (2.5% YoY) หากข้อมูลออกมาสูงกว่าคาดการณ์จะยิ่งลดความเป็นไปได้ที่ Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ และเสริมความแข็งแกร่งให้กับดอลลาร์สหรัฐฯ ในทางกลับกัน หากตัวเลขออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ อาจเพิ่มความหวังเรื่องการลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed และช่วยให้ AUD ฟื้นตัวได้
ดัชนี PMI ภาคการผลิตเหล็กของจีน (28 กุมภาพันธ์) ข้อมูลนี้จะสะท้อนถึงสภาวะของอุตสาหกรรมเหล็กในจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าแร่เหล็กรายใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย ดัชนี PMI ที่แข็งแกร่งจะสนับสนุนราคาแร่เหล็กและส่งผลบวกต่อ AUD ในทางกลับกัน ตัวเลข PMI ที่อ่อนแอจะยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อค่าเงิน AUD
การวิเคราะห์ทางเทคนิคสำหรับคู่สกุลเงิน AUD/USD แสดงให้เห็นรูปแบบการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนในกรอบขาลง (Descending Channel) ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงแรงกดดันที่มีต่อค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย ข้อมูลทางเทคนิคจากหลายไทม์เฟรมสามารถให้ภาพรวมที่ครอบคลุมสำหรับการวางแผนการลงทุนทั้งในระยะสั้นและระยะกลาง
การวิเคราะห์ในกรอบเวลารายวัน (Daily Timeframe)
ในมุมมองรายวัน คู่สกุลเงิน AUD/USD ได้แสดงรูปแบบ Descending Channel ที่ชัดเจนตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม 2568 โดยราคาได้ทดสอบแนวต้านด้านบนของช่องที่ระดับ 0.6405 หลายครั้งแต่ไม่สามารถทะลุผ่านไปได้ สิ่งนี้ยืนยันความแข็งแกร่งของแนวต้านดังกล่าวและแนวโน้มขาลงที่ยังคงอยู่
เหตุการณ์สำคัญทางเทคนิคที่ควรให้ความสนใจคือการเกิด Death Cross เมื่อเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน (0.6348) ตัดลงใต้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน (0.6421) ซึ่งเป็นสัญญาณทางเทคนิคที่บ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มเป็นขาลงอย่างมีนัยสำคัญในระยะกลาง นอกจากนี้ ค่า RSI อยู่ที่ระดับ 38.6 ซึ่งยังไม่ถึงสภาวะขายมากเกินไป (oversold) อย่างสมบูรณ์ แสดงให้เห็นว่าราคาอาจยังมีโอกาสปรับตัวลงต่อไปได้อีก
การวิเคราะห์ในกรอบเวลา H4 (4 ชั่วโมง)
ในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง เราสามารถเห็นรูปแบบการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยราคาได้สร้าง Lower Highs และ Lower Lows ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของแนวโน้มขาลง ที่น่าสนใจคือการทดสอบแนวต้านที่ 0.6380-0.6405 สามครั้งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยทุกครั้งราคาไม่สามารถยืนเหนือระดับนี้ได้อย่างมั่นคง และมีการกลับตัวลงอย่างรวดเร็ว พฤติกรรมนี้ยืนยันความแข็งแกร่งของแนวต้านดังกล่าว
เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 21 คาบในกรอบ H4 (สีชมพู) กำลังทำหน้าที่เป็นแนวต้านเคลื่อนที่ (Dynamic Resistance) ที่มีประสิทธิภาพ โดยราคามักจะถูกผลักดันลงทุกครั้งที่ทดสอบเส้นนี้ ในขณะที่โมเมนตัมทางเทคนิคซึ่งวัดโดย MACD แสดงค่าติดลบที่ -0.0018 ถึงแม้จะเป็นค่าลบ แต่การลดลงของกราฟฮิสโตแกรม (Histogram) กำลังชะลอตัว ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงการอ่อนแรงลงของแนวโน้มขาลงในระยะสั้น
การวิเคราะห์ในกรอบเวลา H1 (รายชั่วโมง)
การมองในกรอบเวลารายชั่วโมงช่วยให้เราสามารถระบุจุดเข้าตลาดระยะสั้นได้แม่นยำยิ่งขึ้น ปัจจุบัน AUD/USD กำลังเคลื่อนตัวในรูปแบบคล้าย Flag Pattern หลังจากการปรับตัวลงอย่างรวดเร็วในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา รูปแบบนี้มักจะนำไปสู่การปรับตัวลงต่อหลังจากระยะพักฐาน (Consolidation) สั้นๆ
แนวโน้มระยะสั้นยังคงเป็นขาลง โดยมีแนวรับสำคัญที่ 0.6260 และ 0.6235 ซึ่งหากหลุดแนวรับเหล่านี้จะเปิดทางให้ราคาทดสอบแนวรับหลักที่ 0.6195 ในอีกด้านหนึ่ง หากราคาสามารถทะลุแนวต้านที่ 0.6320 และ 0.6350 ขึ้นไปได้ อาจเป็นสัญญาณของการฟื้นตัวระยะสั้น อย่างไรก็ตาม การทะลุแนวต้านหลักที่ 0.6405 ยังคงเป็นความท้าทายสำคัญสำหรับแนวโน้มขาขึ้น
การวิเคราะห์ Bollinger Bands และ Stochastic
Bollinger Bands ในกรอบ H4 และรายวันแสดงให้เห็นว่าราคากำลังเคลื่อนตัวใกล้กับแนวล่างของแถบ (Lower Band) ซึ่งมักเป็นพื้นที่ที่ราคาอาจเกิดการดีดตัวกลับเนื่องจากสภาวะขายมากเกินไปในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ในสภาวะแนวโน้มขาลงที่แข็งแกร่ง ราคามักจะเคลื่อนตัวชิดแนวล่างของ Bollinger Bands เป็นเวลานาน ดังนั้นการดีดตัวกลับอาจเป็นเพียงชั่วคราว
ตัวบ่งชี้ Stochastic Oscillator ในกรอบรายวันและ H4 กำลังแสดงค่าในโซนขายมากเกินไป (ต่ำกว่า 20) โดยเริ่มมีสัญญาณการตัดกันขึ้น (Bullish Crossover) ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงโอกาสในการดีดตัวกลับในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ควรรอการยืนยันจากรูปแบบราคาและตัวบ่งชี้อื่นๆ ก่อนตัดสินใจเข้าซื้อ
การวิเคราะห์ Fractals
จุด Fractals ในกรอบเวลารายวันและ H4 แสดงจุดกลับตัวสำคัญที่ระดับ 0.6405 (Up Fractal) และ 0.6195 (Down Fractal) ซึ่งสอดคล้องกับระดับแนวต้านและแนวรับหลักที่วิเคราะห์จากเครื่องมืออื่นๆ การระบุจุด Fractals เหล่านี้ช่วยยืนยันความแข็งแกร่งของระดับราคาสำคัญ และมักเป็นตำแหน่งที่เหมาะสมในการวาง Stop Loss และ Take Profit
สรุปการวิเคราะห์ทางเทคนิค
การวิเคราะห์ทางเทคนิคในหลายไทม์เฟรมสำหรับคู่สกุลเงิน AUD/USD แสดงให้เห็นแนวโน้มขาลงที่ชัดเจนในระยะกลาง ด้วยการเคลื่อนไหวในรูปแบบ Descending Channel ในขณะที่แรงขายอาจชะลอตัวลงในระยะสั้นเนื่องจากระดับ RSI ที่อยู่ใกล้โซนขายมากเกินไป แต่แนวโน้มหลักยังคงเป็นลบจนกว่าจะมีการทะลุแนวต้านสำคัญที่ 0.6405 อย่างมีนัยสำคัญ
นักลงทุนควรให้ความสำคัญกับระดับ 0.6235-0.6195 ซึ่งเป็นแนวรับสำคัญที่หากไม่สามารถรักษาได้ อาจนำไปสู่การปรับตัวลงอย่างรวดเร็วสู่ระดับ 0.6100 ในทางกลับกัน หากราคาสามารถยืนเหนือระดับ 0.6350 ได้อย่างมั่นคง อาจเป็นสัญญาณของการกลับตัวขึ้นระยะสั้น แต่จะต้องทะลุ 0.6405 เพื่อยืนยันการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มในระยะกลาง
การระบุระดับแนวต้านสำคัญเป็นองค์ประกอบพื้นฐานในการวางแผนกลยุทธ์การเทรดที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในสภาวะตลาดที่มีแนวโน้มชัดเจนอย่างคู่สกุลเงิน AUD/USD ในปัจจุบัน จากการวิเคราะห์ข้อมูลทางเทคนิคในหลายกรอบเวลา เราสามารถระบุระดับแนวต้านสำคัญต่างๆ ได้ดังนี้
แนวต้านระดับที่ 1: 0.6320-0.6350
ระดับแนวต้านนี้ถือเป็นแนวต้านระยะสั้นที่สำคัญ โดยมีองค์ประกอบดังนี้:
ความสำคัญของแนวต้านนี้: หากราคาสามารถทะลุผ่านระดับนี้ไปได้ จะเปิดทางให้เกิดการดีดตัวต่อไปยังแนวต้านระดับถัดไปที่ 0.6380-0.6405 อย่างไรก็ตาม หากราคาถูกผลักดันกลับลงมาจากระดับนี้ จะเป็นการยืนยันแนวโน้มขาลงที่ยังคงมีอยู่
แนวต้านระดับที่ 2: 0.6380-0.6405
นี่คือแนวต้านหลักที่สำคัญที่สุดในปัจจุบันสำหรับคู่สกุลเงิน AUD/USD โดยมีองค์ประกอบดังนี้:
ความสำคัญของแนวต้านนี้: ระดับ 0.6405 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับแนวโน้มในระยะกลาง การทะลุและยืนเหนือระดับนี้อย่างมั่นคงจะเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการกลับตัวของแนวโน้มจากขาลงเป็นขาขึ้น และอาจนำไปสู่การปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญต่อไป
แนวต้านระดับที่ 3: 0.6450-0.6480
แนวต้านนี้จะมีความสำคัญหากราคาสามารถทะลุแนวต้านที่ 0.6405 ขึ้นไปได้ โดยระดับนี้ประกอบด้วย:
แนวต้านระดับที่ 4: 0.6505-0.6580
แนวต้านระดับนี้ถือเป็นเป้าหมายระยะยาวหากมีการกลับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ:
ความสำคัญของแนวต้านนี้: ระดับนี้อาจเป็นเป้าหมายในกรณีที่เกิดการเปลี่ยนแปลงปัจจัยพื้นฐานอย่างมีนัยสำคัญ เช่น การชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มากกว่าคาด หรือการส่งสัญญาณการลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ที่เร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ความสัมพันธ์ระหว่างแนวต้านกับแนวโน้มปัจจุบัน
ในสภาวะแนวโน้มขาลงปัจจุบัน แนวต้านเหล่านี้มักทำหน้าที่เป็นจุดขายที่มีประสิทธิภาพสำหรับกลยุทธ์การเทรดตามแนวโน้ม โดยเฉพาะแนวต้านระดับที่ 2 (0.6380-0.6405) ที่ได้แสดงความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง การทดสอบแนวต้านเหล่านี้โดยไม่มีปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญมักนำไปสู่การกลับตัวลงอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรระมัดระวังการเกิด False Breakout โดยเฉพาะในช่วงที่มีการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ เช่น ข้อมูล PCE ของสหรัฐฯ ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ซึ่งอาจทำให้เกิดความผันผวนสูงและการทะลุแนวต้านชั่วคราวก่อนการกลับตัวลง
สำหรับนักลงทุนที่วางแผนเทรดตามแนวโน้มขาลง การสังเกตพฤติกรรมราคาเมื่อทดสอบแนวต้านเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ในการระบุจุดเข้าตลาดที่มีความเสี่ยงต่ำและโอกาสผลตอบแทนสูง โดยเฉพาะเมื่อมีการยืนยันจากตัวบ่งชี้ทางเทคนิคอื่นๆ เช่น การเกิด Bearish Engulfing Pattern หรือการกลับตัวลงของ RSI จากโซนซื้อมากเกินไป (Overbought)
การระบุระดับแนวรับที่มีนัยสำคัญเป็นองค์ประกอบสำคัญในการประเมินโอกาสขาลงและการกำหนดเป้าหมายสำหรับกลยุทธ์การเทรดในคู่สกุลเงิน AUD/USD จากการวิเคราะห์ข้อมูลทางเทคนิค เราสามารถระบุระดับแนวรับสำคัญดังต่อไปนี้
แนวรับระดับที่ 1: 0.6260-0.6280
ความสำคัญของแนวรับนี้: การรักษาระดับนี้ไว้ได้จะเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าแรงขายระยะสั้นอาจชะลอตัวลง ขณะที่การหลุดระดับนี้จะเปิดทางให้ราคาทดสอบแนวรับถัดไปที่สำคัญกว่า
แนวรับระดับที่ 2: 0.6235-0.6250
แนวรับนี้ถือเป็นระดับที่สำคัญในระยะกลางโดยมีองค์ประกอบดังนี้:
ความสำคัญของแนวรับนี้: ระดับนี้เป็นแนวรับสำคัญที่หากไม่สามารถรักษาไว้ได้ จะส่งสัญญาณการเร่งตัวของแนวโน้มขาลงและอาจนำไปสู่การทดสอบแนวรับหลักถัดไปที่ 0.6195-0.6205
แนวรับระดับที่ 3: 0.6195-0.6205 (Triple Bottom)
นี่คือแนวรับสำคัญที่สุดในปัจจุบันสำหรับคู่สกุลเงิน AUD/USD โดยมีองค์ประกอบดังนี้:
ความสำคัญของแนวรับนี้: ระดับ 0.6195 ถือเป็นแนวรับสำคัญที่สุดในปัจจุบัน การหลุดระดับนี้จะเป็นสัญญาณลบอย่างมีนัยสำคัญและอาจนำไปสู่การปรับตัวลงอย่างรวดเร็วไปยังเป้าหมายต่อไปที่ 0.6100-0.6120 การรักษาระดับนี้ไว้ได้จะเป็นสัญญาณของการสร้างฐานราคาที่อาจนำไปสู่การฟื้นตัวในระยะกลาง
แนวรับระดับที่ 4: 0.6100-0.6120
แนวรับนี้จะมีความสำคัญหากราคาหลุดแนวรับหลักที่ 0.6195 ลงมา โดยระดับนี้ประกอบด้วย:
ความสำคัญของแนวรับนี้: การหลุดระดับ 0.6195 และการเคลื่อนตัวลงสู่ระดับนี้จะเป็นการยืนยันแนวโน้มขาลงในระยะยาว และอาจนำไปสู่การปรับตัวลงต่อไปสู่ระดับ 0.6000 ซึ่งเป็นแนวรับทางจิตวิทยาที่สำคัญมาก
แนวรับระดับที่ 5: 0.5935-0.6000
แนวรับระดับนี้เป็นเป้าหมายในกรณีที่เกิดแนวโน้มขาลงที่รุนแรง:
ความสำคัญของแนวรับนี้: การเคลื่อนตัวลงสู่ระดับนี้จะเกิดขึ้นได้เฉพาะในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงปัจจัยพื้นฐานอย่างมีนัยสำคัญ เช่น การแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างรุนแรงจากข้อมูลเงินเฟ้อที่สูงเกินคาด หรือการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของออสเตรเลีย
พฤติกรรมราคาที่แนวรับ
การสังเกตพฤติกรรมราคาเมื่อทดสอบแนวรับสำคัญจะช่วยให้นักลงทุนสามารถประเมินความแข็งแกร่งของแรงซื้อและโอกาสในการกลับตัวขึ้นได้ โดยควรให้ความสนใจกับปัจจัยต่อไปนี้:
สำหรับนักลงทุนที่วางแผนเทรดสวิงในกรอบ (Range-Bound Trading) การซื้อที่แนวรับสำคัญ โดยเฉพาะที่ระดับ 0.6235-0.6250 และ 0.6195-0.6205 อาจเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ แต่ควรรอการยืนยันจากรูปแบบกลับตัวและตัวบ่งชี้ทางเทคนิคอื่นๆ ก่อนตัดสินใจเข้าซื้อ
อย่างไรก็ตาม ในสภาวะแนวโน้มขาลงที่ชัดเจนในปัจจุบัน การหลุดแนวรับสำคัญโดยเฉพาะที่ระดับ 0.6195 จะเป็นโอกาสในการเข้าขายหรือเพิ่มตำแหน่งขายสำหรับกลยุทธ์การเทรดตามแนวโน้ม โดยมีเป้าหมายที่ 0.6100 และ 0.6000 ตามลำดับ
จจัยพื้นฐานมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางระยะกลางถึงระยะยาวของคู่สกุลเงิน AUD/USD โดยในช่วงเวลาปัจจุบัน มีปัจจัยหลักหลายประการที่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการเคลื่อนไหวของราคา ดังนี้
นโยบายการเงินของธนาคารกลาง
ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA)
ธนาคารกลางออสเตรเลียได้เริ่มวงจรการลดอัตราดอกเบี้ยโดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 25 จุดฐานลงสู่ระดับ 4.10% เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งเป็นการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2563 มาตรการนี้มาพร้อมกับคำแถลงเชิง “Hawkish” ที่ยังคงให้ความสำคัญกับความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ แม้ว่า RBA จะปรับลดการคาดการณ์เงินเฟ้อพื้นฐานสำหรับปี 2568-2569 ลงเหลือ 2.7% จากเดิม 2.9% แต่ยังเน้นย้ำว่าต้องการ “หลักฐานที่ชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มเงินเฟ้อ” ก่อนตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม
ตลาดคาดการณ์ว่า RBA จะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกประมาณ 80 จุดฐานในปี 2568 ซึ่งสอดคล้องกับการมองว่าธนาคารกลางจะดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve)
ในทางตรงกันข้าม ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงแสดงท่าทีระมัดระวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย หลังจากข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดแสดงถึงความยืดหยุ่นของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะตลาดแรงงานและตัวเลขเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมาย 2%
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของ Fed ได้แก่:
ตลาดได้ลดความคาดหวังการลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ในปี 2568 เหลือเพียง 50 จุดฐาน จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 75 จุดฐานในไตรมาสที่ผ่านมา ความแตกต่างนี้ระหว่างวงจรการลดอัตราดอกเบี้ยที่คาดการณ์ของ RBA (80 จุดฐาน) และ Fed (50 จุดฐาน) ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างสองประเทศยิ่งเอื้อประโยชน์ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
ความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Differential)
ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างออสเตรเลียและสหรัฐฯ (Australia-US 2-Year Yield Spread) ได้หดตัวลงสู่ระดับ -125 จุดฐาน จากเดิม -115 จุดฐานในต้นเดือนกุมภาพันธ์ การหดตัวนี้เป็นผลมาจากการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่เร็วกว่าพันธบัตรออสเตรเลีย สะท้อนความคาดหวังที่แตกต่างกันเกี่ยวกับนโยบายการเงินของทั้งสองประเทศ
ผลกระทบของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงต่อคู่สกุลเงิน AUD/USD มีดังนี้:
ความเชื่อมโยงกับสินค้าโภคภัณฑ์และจีน
เศรษฐกิจออสเตรเลียมีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับตลาดสินค้าโภคภัณฑ์และการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน ปัจจัยเหล่านี้มีอิทธิพลอย่างมากต่อการเคลื่อนไหวของ AUD/USD:
สินค้าโภคภัณฑ์:
ความสัมพันธ์กับจีน:
ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์
ความตึงเครียดทางการค้าและความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของ AUD/USD:
การประเมินปัจจัยพื้นฐานโดยรวม
เมื่อพิจารณาปัจจัยพื้นฐานทั้งหมด สามารถประเมินแนวโน้มของคู่สกุลเงิน AUD/USD ได้ดังนี้:
ปัจจัยลบต่อ AUD/USD:
ปัจจัยบวกต่อ AUD/USD (แม้จะมีน้ำหนักน้อยกว่าในปัจจุบัน):
การวิเคราะห์ AUD/USD อย่างครอบคลุมทั้งด้านเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานชี้ให้เห็นแนวโน้มขาลงที่ชัดเจนในระยะสั้นถึงระยะกลาง ด้วยการเคลื่อนไหวในกรอบ Descending Channel ที่เห็นได้ชัดในหลายไทม์เฟรม คู่สกุลเงินนี้กำลังเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยหลายด้านที่ส่งผลในทิศทางเดียวกัน
การประเมินแนวโน้มระยะสั้นและระยะกลาง
แนวโน้มระยะสั้น (1-2 สัปดาห์): คู่สกุลเงิน AUD/USD มีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 0.6235-0.6380 โดยมีแรงกดดันขาลงจากปัจจัยพื้นฐานที่เกี่ยวกับความแตกต่างของนโยบายการเงินระหว่าง RBA และ Fed ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะข้อมูล PCE ของสหรัฐฯ ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ จะเป็นตัวกำหนดทิศทางในระยะสั้น หากข้อมูลเงินเฟ้อออกมาสูงกว่าคาดการณ์ จะยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อ AUD และอาจทำให้ราคาทดสอบแนวรับหลักที่ 0.6195
แนวโน้มระยะกลาง (1-3 เดือน): ในกรอบเวลา 1-3 เดือน แนวโน้มยังคงเป็นขาลงด้วยเป้าหมายที่ 0.6100-0.6150 หากแรงกดดันจากความแตกต่างของนโยบายการเงินระหว่างสองประเทศยังคงอยู่ และความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนยังคงเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม หากรายงานการประชุม RBA และข้อมูลเศรษฐกิจออสเตรเลียแสดงสัญญาณบวกเกินคาด อาจทำให้เกิดการดีดตัวกลับไปทดสอบแนวต้านที่ 0.6380-0.6405
การเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มในระยะกลางจะเกิดขึ้นได้เฉพาะเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในปัจจัยพื้นฐาน เช่น การเร่งลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed เร็วกว่าคาด หรือข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อ่อนแอกว่าคาดการณ์อย่างมีนัยสำคัญ
กลยุทธ์การเทรดและการจัดการความเสี่ยง
1. กลยุทธ์การเทรดตามแนวโน้ม (Trend-Following Strategy):
2. กลยุทธ์การเทรดสวิงในกรอบ (Range Trading Strategy):
3. กลยุทธ์จัดการความเสี่ยง:
ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม
1. ปัจจัยทางเศรษฐกิจ:
2. ปัจจัยด้านการค้าและภูมิรัฐศาสตร์:
3. พฤติกรรมราคาที่ระดับสำคัญ:
โดยสรุป คู่สกุลเงิน AUD/USD มีแนวโน้มขาลงในระยะสั้นถึงระยะกลาง จากการเคลื่อนไหวในกรอบ Descending Channel ที่ชัดเจน และแรงกดดันจากปัจจัยพื้นฐานทั้งด้านนโยบายการเงิน ความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ย และความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศ นักลงทุนควรให้ความสำคัญกับระดับแนวรับและแนวต้านสำคัญที่ได้วิเคราะห์ไว้ และติดตามปัจจัยสำคัญที่อาจส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มในอนาคต การผสมผสานกลยุทธ์การเทรดตามแนวโน้มและการเทรดสวิงในกรอบ พร้อมการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม จะช่วยให้นักลงทุนสามารถใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของราคาในทุกสภาวะตลาด