หมายเหตุสำคัญ!
เราใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดบนเว็บไซต์ของเรา
ด้วยการคลิกที่ ‘ตกลง’ คุณได้ยอมรับการใช้คุกกี้ของเราตามที่อธิบายไว้ใน นโยบายคุกกี้
สัปดาห์นี้ตลาดการเงินโลกเผชิญกับความผันผวนอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักจากการประชุมธนาคารกลางสำคัญและการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจระดับมหภาค โดยเฉพาะการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อของสหราชอาณาจักรและรายงานการประชุม FOMC ของสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลกระทบต่อทิศทางของสกุลเงินหลัก ดัชนีหุ้น และราคาสินค้าโภคภัณฑ์
ตลาดการเงินในสัปดาห์นี้มีกำหนดการณ์สำคัญที่นักลงทุนควรติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเริ่มต้นสัปดาห์ด้วยการเปิดเผยรายงานการประชุมธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ในวันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ เวลา 07:30 น. ตามด้วยการประกาศดัชนีภาคการผลิต ซึ่งจะสะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศและส่งผลต่อทิศทางของค่าเงินออสเตรเลียและดัชนี ASX200
จุดสนใจหลักของสัปดาห์อยู่ที่การประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) ของสหราชอาณาจักรในวันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ เวลา 15:00 น. นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขดังกล่าวจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อค่าเงินปอนด์และดัชนี FTSE100 โดยเฉพาะในกลุ่มหุ้นที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย
วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ ตลาดจะจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุม FOMC ของธนาคารกลางสหรัฐฯ เวลา 03:00 น. ซึ่งนักลงทุนจะติดตามท่าทีของคณะกรรมการเกี่ยวกับแนวโน้มนโยบายการเงินและการปรับลดงบดุล ตามด้วยรายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ที่จะส่งผลต่อราคาน้ำมันในตลาดโลก
ช่วงปลายสัปดาห์จะมีการประกาศดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหราชอาณาจักรในวันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่สะท้อนแรงกดดันด้านต้นทุนการผลิตและแนวโน้มเงินเฟ้อในระยะข้างหน้า ตามด้วยสุนทรพจน์ของประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ ที่นักลงทุนจะติดตามอย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินทิศทางนโยบายการเงินของยูโรโซน ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อค่าเงินยูโรและดัชนี DAX40 ในระยะสั้น
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหราชอาณาจักรที่จะประกาศในวันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์นับเป็นเหตุการณ์สำคัญที่สุดของสัปดาห์นี้ เนื่องจากจะเป็นข้อมูลชุดแรกที่สะท้อนผลกระทบจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางอังกฤษเมื่อต้นเดือน นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขเงินเฟ้อจะขยายตัวที่ระดับ 3.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยหากตัวเลขที่ประกาศออกมาสูงกว่าที่คาด อาจส่งผลให้ค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางอาจชะลอการปรับลดดอกเบี้ยในอนาคต
รายงานการประชุม FOMC ที่จะเปิดเผยในวันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์มีความสำคัญไม่แพ้กัน โดยนักลงทุนจะจับตาดูรายละเอียดการหารือเกี่ยวกับแผนการลดขนาดงบดุล (QT Tapering) ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 95 พันล้านดอลลาร์ต่อเดือน หากมีสัญญาณของการชะลอการลดงบดุลเร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ อาจส่งผลให้ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในกลุ่มเทคโนโลยีที่อ่อนไหวต่อสภาพคล่องในตลาด
ข้อมูล PPI ของสหราชอาณาจักรที่จะประกาศในวันพฤหัสบดีจะเป็นตัวชี้วัดสำคัญสำหรับแนวโน้มเงินเฟ้อในระยะกลาง โดยเฉพาะในภาคการผลิตที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และแคนาดา ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนวัตถุดิบบางประเภทปรับตัวสูงขึ้น นักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลข PPI จะชะลอตัวลงเล็กน้อยจากเดือนก่อน แต่ยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อของธนาคารกลาง
การกล่าวสุนทรพจน์ของประธาน ECB ในวันศุกร์จะเป็นโอกาสสำคัญในการประเมินท่าทีของธนาคารกลางยุโรปต่อสถานการณ์เศรษฐกิจในภูมิภาค โดยเฉพาะหลังจากที่ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจของเยอรมนีและฝรั่งเศสในไตรมาสที่ผ่านมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ หากมีการส่งสัญญาณถึงการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม อาจส่งผลให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงอย่างมีนัยสำคัญ
การเคลื่อนไหวของตลาดการเงินในสัปดาห์นี้จะมีความผันผวนสูงเป็นพิเศษจากเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อของสหราชอาณาจักรและรายงานการประชุม FOMC ของสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังตลาดการเงินทั่วโลก
ในส่วนของตลาดค่าเงิน คู่เงิน GBP/USD มีโอกาสเผชิญกับความผันผวนสูงในช่วงวันอังคารถึงวันพุธ โดยทิศทางจะขึ้นอยู่กับตัวเลขเงินเฟ้อที่จะประกาศ หากตัวเลขออกมาสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 3.1% อาจส่งผลให้ค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว และกดดันดัชนี FTSE100 ให้ปรับตัวลง โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการเงินที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะได้รับอิทธิพลหลักจากรายงานการประชุม FOMC ซึ่งนักลงทุนจะจับตาดูรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการลดขนาดงบดุล หากมีสัญญาณของการชะลอการลดงบดุลเร็วกว่าที่คาด อาจส่งผลบวกต่อดัชนี US30 และ NAS100 โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่มักตอบสนองไวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพคล่องในตลาด
สำหรับนักลงทุนและเทรดเดอร์ การบริหารความเสี่ยงในช่วงนี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง แนะนำให้พิจารณาลดขนาดการลงทุนลงในช่วงก่อนการประกาศข้อมูลสำคัญ และตั้ง Stop Loss ให้กว้างกว่าปกติเพื่อรองรับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ การกระจายการลงทุนไปในหลายสินทรัพย์และหลายกรอบเวลาจะช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อพิจารณาภาพรวมทั้งหมด สัปดาห์นี้จะเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายสำหรับนักลงทุน แต่ก็มาพร้อมกับโอกาสทางการลงทุนที่น่าสนใจ หากมีการวางแผนและบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะในช่วงวันอังคารถึงวันพฤหัสบดีที่มีการประกาศข้อมูลสำคัญหลายรายการ