หมายเหตุสำคัญ!
เราใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดบนเว็บไซต์ของเรา
ด้วยการคลิกที่ ‘ตกลง’ คุณได้ยอมรับการใช้คุกกี้ของเราตามที่อธิบายไว้ใน นโยบายคุกกี้
ตลาดคริปโตเคอร์เรนซี่ในสัปดาห์ที่ 21-27 เมษายน 2025 กำลังแสดงสัญญาณของการฟื้นตัวที่น่าสนใจ หลังจากผ่านพ้นช่วงความผันผวนในไตรมาสแรกที่มูลค่าตลาดรวมหายไปกว่า 6.3 แสนล้านดอลลาร์ ปัจจุบัน Bitcoin ซื้อขายอยู่ที่ระดับประมาณ 87,000 ดอลลาร์ และกำลังทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 88,000 ดอลลาร์ แม้จะมีการปรับตัวลดลง -0.84% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ยังคงมีการเติบโต 0.45% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน ซึ่งสะท้อนถึงความยืดหยุ่นของตลาดท่ามกลางความท้าทายต่างๆ
ดัชนี Fear & Greed Index ล่าสุดอยู่ที่ 47 คะแนน เข้าสู่โซน “ปกติ” หลังจากที่นักลงทุนอยู่ในโหมด “กลัว” มาหลายวัน สัญญาณนี้บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของความเชื่อมั่นในตลาด ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการเติบโตในระยะถัดไป
ตลาดคริปโตในช่วงนี้ได้รับอิทธิพลจากหลายปัจจัยสำคัญที่เชื่อมโยงกัน ทั้งในด้านการเงิน เศรษฐกิจ และการเมืองโลก ได้แก่:
1. การลงทุนของสถาบันผ่าน ETF: กระแสเงินทุนผ่าน ETF ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของตลาด Spot Bitcoin ETF มีเงินไหลเข้ากว่า 36.4 พันล้านดอลลาร์นับตั้งแต่เริ่มซื้อขายในเดือนมกราคม ขณะที่ Spot Ethereum ETF ได้รับเงิน 2.4 พันล้านดอลลาร์ตั้งแต่เปิดตัวในเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว นักวิเคราะห์จาก Citi คาดการณ์ว่ากระแสเงินไหลเข้า ETF จะยังคงดำเนินต่อไปในปี 2025 ซึ่งจะช่วยหนุนตลาดคริปโต
2. นโยบายการเงินโลก: การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลกสะท้อนถึงการเข้าสู่ยุคดอกเบี้ยขาลง ซึ่งช่วยลดต้นทุนการกู้ยืมและเพิ่มปริมาณเงินในระบบ เงินทุนเหล่านี้มักไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยง โดย Digital Asset เป็นหนึ่งในทางเลือกสำคัญ
3. สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน: ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้น โดยจีนประกาศขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐฯ สูงถึง 84% ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมา ส่งผลให้ตลาดการเงินทั่วโลกผันผวน นักวิเคราะห์จาก Citi ประเมินว่าความขัดแย้งนี้อาจลดการเติบโตของ GDP โลกในไตรมาส 2/2025 ลง 0.3-0.5%
4. กิจกรรมของวาฬคริปโต: ในสัปดาห์ที่สองของเดือนเมษายน 2025 มีรายงานว่าวาฬคริปโตกำลังสะสม Dogecoin มูลค่ากว่า 220 ล้านดอลลาร์ รวมถึง Worldcoin และ Ondo อย่างแข็งขัน ซึ่งบ่งบอกถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นในอัลท์คอยน์บางตัว
5. สถานการณ์การเมืองไทย: การเตรียมปรับครม. ของรัฐบาลไทยและความขัดแย้งเรื่องร่างกฎหมายกาสิโนและนโยบาย Virtual Bank ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัว Sideway Up ด้วยความไม่แน่นอนทางการเมือง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของนักลงทุนไทยในตลาดคริปโต
ตลาดคริปโตกำลังเผชิญทั้งโอกาสและความท้าทายในช่วงสัปดาห์นี้ โอกาสสำคัญมาจากการเพิ่มขึ้นของความเชื่อมั่นนักลงทุน การลงทุนของสถาบัน และการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ความท้าทายหลักมาจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก สงครามการค้า และความผันผวนของตลาดการเงินทั่วไป
Bitcoin ยังคงครองตำแหน่งเป็นสินทรัพย์หลักในตลาดคริปโตด้วยส่วนแบ่งตลาดที่สูงถึง 59.1% ณ ปัจจุบัน Bitcoin ซื้อขายอยู่ที่ระดับประมาณ 87,000 ดอลลาร์และกำลังพยายามทะลุแนวต้านสำคัญที่ 88,000 ดอลลาร์ การทดสอบแนวต้านนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากหากสามารถทะลุและยืนเหนือระดับนี้ได้อย่างมั่นคง จะเป็นสัญญาณบวกที่บ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้นในระยะต่อไป
จากการวิเคราะห์ทางเทคนิค Bitcoin มีแนวรับสำคัญที่ระดับ 84,500 และ 82,000 ดอลลาร์ ซึ่งหากราคาปรับตัวลงแต่สามารถยืนเหนือแนวรับเหล่านี้ได้ ก็จะยังคงรักษาโครงสร้างราคาขาขึ้นในระยะกลางไว้ได้ ในทางกลับกัน หากสามารถผ่านแนวต้าน 88,000 ดอลลาร์ขึ้นไปได้ เป้าหมายถัดไปจะอยู่ที่ 90,000 และ 92,500 ดอลลาร์
ในแง่ของปัจจัยพื้นฐาน Bitcoin ได้รับแรงหนุนจากการไหลเข้าของเงินทุนผ่าน Spot Bitcoin ETF ที่สะสมมากว่า 36.4 พันล้านดอลลาร์นับตั้งแต่เริ่มซื้อขายในเดือนมกราคม 2024 นอกจากนี้ การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แสดงจุดยืนสนับสนุนคริปโตอย่างชัดเจน ยังสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนสถาบัน โดยคาดว่าจะมีการลดข้อจำกัดในการกำกับดูแล Digital Asset ในสหรัฐฯ
ความสัมพันธ์ระหว่าง Bitcoin กับสินทรัพย์อื่นๆ มีความน่าสนใจ โดยในช่วงที่เกิดความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน Bitcoin แสดงคุณลักษณะของสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง (Safe Haven) คล้ายกับทองคำ ซึ่งต่างจากในอดีตที่มักเคลื่อนไหวคล้ายกับสินทรัพย์เสี่ยงประเภทหุ้นเทคโนโลยี
Movement Network (MOVE) เป็นเหรียญที่มีประสิทธิภาพโดดเด่นที่สุดในช่วงสัปดาห์นี้ โดยราคาพุ่งขึ้นถึง 32.75% หลังจากประกาศแผนซื้อคืนโทเคนผ่านโครงการ Movement Strategic Reserve แผนดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อลดปริมาณโทเคนในตลาดและเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ถือเหรียญในระยะยาว
จากการวิเคราะห์โมเมนตัม MOVE มีแนวโน้มที่จะรักษาโมเมนตัมบวกไว้ได้ในระยะสั้น แต่นักลงทุนควรระมัดระวังการเทขายทำกำไรหลังจากที่ราคาปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว แนวรับสำคัญอยู่ที่ระดับราคาก่อนประกาศแผนซื้อคืน และหากสามารถยืนเหนือระดับนี้ได้ จะถือเป็นสัญญาณบวกสำหรับการเติบโตในระยะต่อไป
Dogecoin (DOGE) ได้รับความสนใจจากวาฬคริปโตอย่างมาก โดยกลุ่มวาฬได้สะสมเหรียญมูลค่ากว่า 220 ล้านดอลลาร์ในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ การเฉลิมฉลองวัน 4/20 และข่าวเกี่ยวกับ Dogecoin ETF ที่กำลังใกล้เข้ามายังเป็นปัจจัยหนุนราคา
กิจกรรมการสะสมของวาฬคริปโตมักเป็นสัญญาณนำของการเคลื่อนไหวของราคาในระยะต่อไป ในกรณีของ Dogecoin การสะสมในมูลค่าที่สูงบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของราคาในระยะกลาง โดยเฉพาะหาก Dogecoin ETF ได้รับการอนุมัติจาก SEC สหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญ
Gate (GT) และ BNB เป็นอัลท์คอยน์ที่มีโอกาสทำสถิติสูงสุดใหม่ในเดือนเมษายนนี้ โดย GT อยู่ห่างจากจุดสูงสุดเพียง 10% ขณะที่ BNB ห่างจากจุดสูงสุดประมาณ 25% ทั้งสองเหรียญนี้เป็นเหรียญของเว็บเทรดคริปโตขนาดใหญ่ที่ได้รับประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการซื้อขายในตลาด
Gate (GT) ได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของแพลตฟอร์ม Gate.io ที่ขยายฐานผู้ใช้งานและบริการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ BNB ได้รับประโยชน์จากระบบนิเวศ Binance ที่แข็งแกร่งและการพัฒนา BNB Chain รวมถึงการเปิดตัวผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ
ด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งและการเติบโตอย่างต่อเนื่องของทั้งสองแพลตฟอร์ม GT และ BNB จึงมีแนวโน้มที่จะเติบโตและมีศักยภาพในการทำจุดสูงสุดใหม่ภายในเดือนนี้
Real World Assets (RWA) ได้รับความนิยมอย่างมากตั้งแต่ปี 2024 และคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2025 โปรเจกต์ RWA ชั้นนำอย่าง BUIDL ของ BlackRock, uMint ของ UBS และ Abrdn ของ Ripple ครองตลาดด้วยกองทุนมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์
เครือข่ายที่ได้ประโยชน์จากกระแส RWA ได้แก่ Ethereum (ETH), Polygon (POL), Base และ Algorand (ALGO) ซึ่งเปลี่ยนทิศทางไปสู่การเป็นบล็อกเชนที่รองรับ RWA โดยเฉพาะ การที่บริษัทการเงินระดับโลกอย่าง BlackRock และ UBS เข้ามาในตลาด RWA ถือเป็นการยืนยันศักยภาพและความน่าเชื่อถือของเทคโนโลยีบล็อกเชนในการปฏิวัติตลาดการเงินแบบดั้งเดิม
RWA นำเสนอการเชื่อมโยงระหว่างสินทรัพย์ในโลกจริง เช่น อสังหาริมทรัพย์ พันธบัตร และสินทรัพย์ทางปัญญา เข้ากับเทคโนโลยีบล็อกเชน ทำให้สินทรัพย์เหล่านี้สามารถซื้อขายได้ง่ายขึ้น มีสภาพคล่องสูงขึ้น และสามารถแบ่งย่อยเพื่อให้นักลงทุนรายย่อยเข้าถึงได้
โปรเจกต์คริปโตที่นำ AI มาประยุกต์ใช้กำลังได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว โปรเจกต์ Virtuals Protocol เคยสร้างกระแสด้วยการเติบโตสูงถึง 7000% และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นต่อเนื่อง การผสมผสานระหว่าง AI และบล็อกเชนสร้างนวัตกรรมและโอกาสใหม่ๆ ที่ดึงดูดทั้งนักลงทุนและผู้ใช้งาน
ความนิยมของคริปโตสาย AI สอดคล้องกับกระแสการเติบโตของเทคโนโลยี AI ในภาพรวม โดยโปรเจกต์ในกลุ่มนี้มักมุ่งเน้นการใช้ AI เพื่อแก้ปัญหาในโลกจริง เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล การคาดการณ์ตลาด และการสร้างคอนเทนต์
นอกจากนี้ การบูรณาการระหว่าง AI และเทคโนโลยีบล็อกเชนยังช่วยเพิ่มความโปร่งใสและความปลอดภัยให้กับระบบ AI ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญในยุคที่ความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของ AI กำลังเพิ่มขึ้น
ความสัมพันธ์ระหว่างตลาดคริปโตและตลาดการเงินอื่นๆ มีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงตามสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและการเงิน ในช่วงที่ผ่านมา เราสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของความสัมพันธ์ระหว่าง Bitcoin กับสินทรัพย์อื่นๆ ดังนี้:
ความสัมพันธ์กับตลาดหุ้น: ในช่วงที่เกิดความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน Bitcoin แสดงความสัมพันธ์เชิงลบกับตลาดหุ้น โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากสงครามการค้า เช่น กลุ่มเทคโนโลยีและการผลิต ซึ่งต่างจากในอดีตที่ Bitcoin มักเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับหุ้นเทคโนโลยี
ความสัมพันธ์กับทองคำ: Bitcoin เริ่มแสดงความสัมพันธ์เชิงบวกกับทองคำมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองโลก สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนกำลังมอง Bitcoin เป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง (Safe Haven) มากขึ้น
ความสัมพันธ์กับดอลลาร์: Bitcoin ยังคงมีความสัมพันธ์เชิงลบกับดัชนีดอลลาร์ (DXY) โดยเมื่อดอลลาร์อ่อนค่า มักส่งผลให้ Bitcoin แข็งค่าขึ้น และในทางกลับกัน การแข็งค่าของเงินบาทในช่วงที่ผ่านมาอาจส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนของนักลงทุนไทยที่ลงทุนในคริปโต เนื่องจากเมื่อแปลงกลับเป็นเงินบาท ผลตอบแทนอาจลดลงเมื่อเทียบกับช่วงที่เงินบาทอ่อนค่า
สถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจไทยมีผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อตลาดคริปโตในประเทศ:
การเมืองไทย: การเตรียมปรับครม. ของรัฐบาลไทยและความขัดแย้งเรื่องร่างกฎหมายกาสิโนและนโยบาย Virtual Bank สร้างความไม่แน่นอนให้กับตลาดการเงินไทย แต่ในขณะเดียวกัน นโยบาย Virtual Bank อาจเป็นโอกาสสำหรับเทคโนโลยีบล็อกเชนและคริปโตในการเข้ามามีบทบาทในระบบการเงินไทยมากขึ้น
เศรษฐกิจไทย: การแข็งค่าของเงินบาทที่ระดับ 33.27 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน อาจส่งผลให้นักลงทุนไทยที่ลงทุนในคริปโตได้รับผลตอบแทนที่ลดลงเมื่อคำนวณเป็นเงินบาท ในขณะเดียวกัน การไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติในตลาดพันธบัตรรัฐบาลไทยอาจสะท้อนถึงการที่นักลงทุนต่างชาติมองว่าเศรษฐกิจไทยมีความน่าสนใจมากขึ้น
นโยบายเทคโนโลยี: การเตรียมประมูลคลื่นมือถือ 6 ย่านความถี่ในวันที่ 29 มิถุนายน 2025 และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของไทย เช่น Thailand Pavilion ในงาน World Expo 2025 ที่ญี่ปุ่น สะท้อนถึงการให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลของประเทศ ซึ่งอาจส่งผลดีต่อการยอมรับเทคโนโลยีบล็อกเชนและคริปโตในระยะยาว
ปัจจัยเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า แม้จะมีความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจในประเทศไทย แต่ก็มีสัญญาณบวกสำหรับการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลและการยอมรับคริปโตในระยะยาว นักลงทุนควรติดตามนโยบายของรัฐบาลไทยเกี่ยวกับการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจมีการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลกระทบต่อตลาดคริปโตในประเทศ
ตลาดคริปโตในสัปดาห์ 21-27 เมษายน 2025 แสดงสัญญาณการฟื้นตัวท่ามกลางความเชื่อมั่นที่กลับมาของนักลงทุน โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญทั้งในระดับสากลและในประเทศไทย Bitcoin ยังคงเป็นสินทรัพย์หลักในตลาด และกำลังทดสอบแนวต้านสำคัญที่ระดับ 88,000 ดอลลาร์ ในขณะที่อัลท์คอยน์บางตัว เช่น Movement Network, Dogecoin, Gate และ BNB มีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะสั้นถึงระยะกลาง
ดัชนี Fear & Greed Index ที่ปรับตัวเข้าสู่โซน “ปกติ” ที่ระดับ 47 คะแนน บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของความเชื่อมั่นในตลาด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของราคาคริปโตในระยะถัดไป นอกจากนี้ การลงทุนของสถาบันผ่าน ETF ที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง และนโยบายสนับสนุนคริปโตของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังเป็นปัจจัยบวกในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงเผชิญกับความท้าทายจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและสร้างความผันผวนให้กับตลาดการเงิน รวมถึงตลาดคริปโต ในประเทศไทย ความไม่แน่นอนทางการเมืองและการแข็งค่าของเงินบาทอาจส่งผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุนไทยในตลาดคริปโต
ในสภาวะตลาดที่มีทั้งโอกาสและความท้าทาย นักลงทุนควรพิจารณากลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมกับความเสี่ยงและเป้าหมายการลงทุนของตนเอง ต่อไปนี้เป็นแนวทางการลงทุนที่อาจพิจารณา:
1. การกระจายการลงทุนอย่างสมดุล
การกระจายการลงทุนในสินทรัพย์คริปโตที่หลากหลายเป็นกลยุทธ์สำคัญในการลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทน ควรพิจารณาการจัดสรรเงินลงทุนในสัดส่วนที่เหมาะสม ดังนี้:
2. กลยุทธ์การเข้าซื้อตามจังหวะเทคนิค
สำหรับนักลงทุนที่สนใจการซื้อขายตามจังหวะตลาด ควรพิจารณาจุดเข้าซื้อและขายที่เหมาะสมตามการวิเคราะห์ทางเทคนิค:
3. กลยุทธ์การลงทุนตามแนวโน้มเทคโนโลยี
นอกเหนือจากการลงทุนในเหรียญหลักและอัลท์คอยน์ที่มีศักยภาพ นักลงทุนอาจพิจารณาลงทุนตามแนวโน้มเทคโนโลยีที่กำลังเติบโต:
4. การบริหารความเสี่ยง
การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในตลาดที่มีความผันผวนสูงอย่างตลาดคริปโต นักลงทุนควรพิจารณาแนวทางการบริหารความเสี่ยง ดังนี้:
นักลงทุนควรติดตามปัจจัยสำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดคริปโตในสัปดาห์ถัดไป ได้แก่:
ตลาดคริปโตในสัปดาห์ 21-27 เมษายน 2025 แสดงสัญญาณของการฟื้นตัวท่ามกลางความท้าทายต่างๆ Bitcoin และอัลท์คอยน์หลายตัวมีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะสั้นถึงระยะกลาง แต่นักลงทุนควรระมัดระวังความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดและปัจจัยภายนอกที่อาจส่งผลกระทบ
การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ผู้สนใจควรศึกษาข้อมูลและประเมินความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน ควรลงทุนเฉพาะเงินที่พร้อมจะสูญเสียและมีกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม นอกจากนี้ การติดตามข่าวสารและการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยพื้นฐานอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญในการลงทุนในตลาดที่มีความผันผวนสูงเช่นนี้
นักลงทุนควรพิจารณาแนวทางการลงทุนที่สอดคล้องกับความเสี่ยงและเป้าหมายการลงทุนของตนเอง และไม่ควรลงทุนตามกระแสหรือข่าวลือโดยปราศจากการวิเคราะห์ที่เหมาะสม การลงทุนอย่างมีวินัยและมีแผนการลงทุนที่ชัดเจนจะช่วยให้นักลงทุนสามารถรับมือกับความผันผวนและสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวได้