หมายเหตุสำคัญ!
เราใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดบนเว็บไซต์ของเรา
ด้วยการคลิกที่ ‘ตกลง’ คุณได้ยอมรับการใช้คุกกี้ของเราตามที่อธิบายไว้ใน นโยบายคุกกี้
ในการเทรด CFD ในขณะที่เป้าหมายหลักอาจเป็นผลกำไร ความปลอดภัยก็ถือเป็นสิ่งสำคัญมากเช่นกัน ในยุคดิจิทัลปัจจุบัน อาชญากรรมทางไซเบอร์ยังคงเป็นภัยคุกคามที่กำลังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง การเลือกโบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแลและมีความน่าเชื่อถือควรเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของคุณ อีกทั้งยังมีมาตรการส่วนบุคคลที่คุณสามารถทำได้เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวและการลงทุนของคุณ แม้ว่าการแชร์ข้อมูลส่วนบุคคลกับโบรกเกอร์ของคุณเพื่อการตรวจสอบยืนยันบัญชีเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่โบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือจะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และนโยบายการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เข้มงวด ซึ่งเป็นการรับประกันถึงการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ
แพลตฟอร์มเทรดออนไลน์มีความเสี่ยงสูงต่อการตกเป็นเป้าของอาชญากรไซเบอร์เนื่องจากมีสินทรัพย์ทางการเงินจำนวนมากและข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนอยู่ในแพลตฟอร์มเหล่านี้
Phishing: อาชญากรไซเบอร์ใช้กลยุทธ์นี้ในการหลอกให้ผู้ใช้เปิดเผยข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น ข้อมูลการเข้าสู่ระบบหรือรายละเอียดทางการเงิน โดยแสร้งทำเป็นบุคคลหรือหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือ
มัลแวร์: ซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตรายสามารถบุกรุกอุปกรณ์ของผู้ใช้งานโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว ทำให้ผู้ไม่ประสงค์ดีสามารถขโมยข้อมูลส่วนบุคคล ติดตามดูกิจกรรม หรือควบคุมอุปกรณ์ได้
การโจมตีแบบ Man-in-the-Middle (MITM): อาชญากรไซเบอร์สามารถดักรับการสื่อสารระหว่างส่วนต่าง ๆ เช่น นักลงทุนและแพลตฟอร์มเทรดออนไลน์ เพื่อขโมยข้อมูลที่ละเอียดอ่อนหรือควบคุมธุรกรรม
การยึดบัญชี: การเข้าถึงข้อมูลการเข้าสู่ระบบโดยไม่ได้รับอนุญาตทำให้อาชญากรไซเบอร์สามารถควบคุมบัญชีเทรดออนไลน์ของแต่ละบุคคลได้ รวมถึงสามารถทำให้เกิดธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย และเป็นอันตรายต่อการลงทุนได้
โบรกเกอร์ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของเทรดเดอร์โดยใช้มาตรการที่มีประสิทธิภาพ เช่น การเข้ารหัสข้อมูลขั้นสูง การใช้เซิร์ฟเวอร์แบบจำกัดและเซิร์ฟเวอร์แบบเป็นส่วนตัว และการใช้ firewalls การป้องกันเหล่านี้ได้ถูกนำมาใช้เพื่อปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อนจากการเข้าถึงโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตและภัยคุกคามทางไซเบอร์ ซึ่งช่วยสร้างสภาพแวดล้อมการเทรดที่ปลอดภัยสำหรับผู้ใช้ทุกคน
1.การละเมิดข้อมูล: การรักษาความปลอดภัยของผู้ใช้ที่อ่อนแอและการจัดการรหัสผ่านที่ไม่มีประสิทธิภาพจะเป็นการเปิดโอกาสให้แฮกเกอร์สามารถบุกรุกแพลตฟอร์มเทรดได้ เมื่ออาชญากรไซเบอร์สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ พวกเขาสามารถขโมยหรือจัดการข้อมูลทางการเงินที่ละเอียดอ่อน ซึ่งอาจนำไปสู่ความสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับเทรดเดอร์
2.การหยุดชะงักในการดำเนินงาน: การโจมตีทางไซเบอร์มักจะทำให้มีการขัดขวางหรือกันไม่ให้เทรดเดอร์สามารถทำการเทรดและจัดการพอร์ตการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ การติดมัลแวร์หรือการบุกรุกระบบสามารถขัดขวางกิจกรรมการเทรด ก่อให้เกิดความสูญเสีย และส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพโดยรวมของการเทรด CFD ได้
3. การไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ: การปฏิบัติตามกฎระเบียบและกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลและความเป็นส่วนตัว ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะ GDPR ถือเป็นสิ่งสำคัญในภาคบริการทางการเงิน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมการเทรด CFD การไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานการรักษาข้อมูลอาจส่งผลให้เกิดค่าปรับจำนวนมากและบทลงโทษจากหน่วยงานกำกับดูแลได้
4. ภัยคุกคามจากแรนซัมแวร์: แพลตฟอร์มเทรด CFD เสี่ยงต่อการโจมตีของแรนซัมแวร์ ซึ่งแฮกเกอร์จะทำการเข้ารหัสข้อมูลการเทรดที่สำคัญและเรียกค่าไถ่เพื่อให้สามารถใช้งานได้อีกครั้ง การเรียกค่าไถ่อาจนำไปสู่การสูญเสียทางการเงินจำนวนมาก และลดความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของแพลตฟอร์มได้
5. ความเสียหายต่อชื่อเสียงของโบรกเกอร์: การโจมตีทางไซเบอร์บนแพลตฟอร์มเทรด CFD สามารถทำลายชื่อเสียง และส่งผลทำให้เกิดการสูญเสียความไว้วางใจระหว่างเทรดเดอร์และนักลงทุนได้ นอกจากนี้มันอาจส่งผลเสียต่อตำแหน่งทางการตลาดของแพลตฟอร์มได้อีกด้วย
1. การแบ่งส่วนเครือข่าย: ด้วยการแบ่งเครือข่ายออกเป็นส่วน ๆ การโจมตีใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นบนเซิร์ฟเวอร์หนึ่งจะถูกควบคุมและป้องกันไม่ให้แพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของเครือข่าย
2.การเปิดใช้งานการยืนยันตัวตนหลายระดับ (MFA): การเสริมสร้างความปลอดภัยผ่าน MFA จะป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ที่ไม่ได้รับอนุญาตสามารถเข้าถึงบัญชีเทรดเดอร์ และเพิ่มการปกป้องบัญชีโดยรวมได้
3. การเข้ารหัสข้อมูล: ข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น รายละเอียดธนาคาร ข้อมูลส่วนบุคคล และบันทึกธุรกรรม จะถูกเข้ารหัสก่อนที่จะถูกจัดเก็บไว้ในฐานข้อมูล การเข้ารหัสนี้จะทำให้มั่นใจได้ว่า แม้ว่าข้อมูลจะถูกเข้าถึงโดยบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาต แต่บุคคลผู้นั้นก็ไม่สามารถอ่านข้อมูลนี้ได้หากไม่มีคีย์ที่เหมาะสม
4.การใช้โปรโตคอลความปลอดภัยทางไซเบอร์: การพัฒนาโปรโตคอลความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ครอบคลุม ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบช่องโหว่ เช่น ซอฟต์แวร์ที่ล้าสมัย หรือโปรโตคอลเดสก์ท็อประยะไกลที่ไม่ปลอดภัย จะช่วยระบุและแก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นได้
5. จัดการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้กับพนักงาน: การให้พนักงานได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติที่ดีที่สุดด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์จะช่วยลดความเสี่ยงของการกระทำโดยไม่ตั้งใจที่อาจนำไปสู่เหตุการณ์ด้านความปลอดภัย เช่น การโจมตีแรนซัมแวร์ ภายในเครือข่ายได้
6. กำหนดเวลาการสำรองข้อมูลเป็นประจำ: การจัดเก็บการสำรองข้อมูลแบบออฟไลน์อย่างน้อยหนึ่งครั้งจะเพิ่มการป้องกันการสูญหายของข้อมูลอีกชั้นในกรณีที่เกิดการโจมตีทางไซเบอร์หรือฮาร์ดแวร์เกิดการล้มเหลว
7. การสร้างรหัสผ่านที่รัดกุม: ผู้ใช้แต่ละรายจะต้องมีรหัสผ่านที่ไม่ซ้ำกันตามรูปแบบการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด เช่น การผสมผสานระหว่างตัวเลข ตัวอักษร และอักขระพิเศษ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของรหัสผ่าน และลดความเสี่ยงของการเข้าถึงโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต
แม้ว่าโบรกเกอร์ของคุณจะมีส่วนร่วมในการรักษาความปลอดภัย แต่คุณก็ทำสิ่งที่จำเป็นเพื่อปกป้องตัวเองได้ การปกป้องการเทรดทางดิจิทัลของคุณจากการโจมตีทางไซเบอร์จะเกี่ยวข้องกับการปกป้องข้อมูลของคุณผ่านขั้นตอนเชิงรุกสองสามขั้นตอน
1.ใช้เครือข่ายที่ปลอดภัย. ปกป้องเครือข่ายของคุณด้วยการใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม เช่น เทคโนโลยีการเข้ารหัส และรหัสผ่านที่รัดกุม เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นสามารถเข้าถึงได้โดยที่ไม่ได้รับอนุญาต
2.จับตาดูเครือข่ายและอุปกรณ์ของคุณ เช่น แล็ปท็อป แท็บเล็ต และโทรศัพท์ เพื่อป้องกันไม่ให้แฮกเกอร์สามารถใช้ประโยชน์จากช่องโหว่หรือการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตผ่านประตูที่ถูกซ่อนอยู่ที่เรียกว่า “ประตูหลังหรือ backdoor” Backdoor เหล่านี้ถูกสร้างขึ้นโดยแฮกเกอร์หรือซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตราย ซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถข้ามกระบวนการตรวจสอบสิทธิ์ตามปกติและเข้าสู่ระบบได้
3.ใช้ firewalls ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของการรักษาความปลอดภัยเครือข่ายสำหรับบริการทางการเงิน firewalls จะช่วยปกป้องฐานข้อมูลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนจากการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตและภัยคุกคามทางไซเบอร์
4.ใช้รหัสผ่านที่รัดกุมที่คาดเดาได้ยาก และพิจารณาใช้กระบวนการยืนยันตัวตนสองระดับในการเข้าสู่ระบบ ซึ่งนั่นหมายความว่า คุณจะต้องทำการยืนยันตัวตนด้วยวิธีการสองแบบที่แตกต่างกันก่อนจึงจะสามารถเข้าถึงบัญชีของคุณได้ มาตรการรักษาความปลอดภัยพิเศษนี้ทำให้ผู้ใช้ที่ไม่ได้รับอนุญาตสามารถเข้าถึงบัญชีและข้อมูลส่วนบุคคลของคุณได้ยากยิ่งขึ้น
5.ใช้เทคโนโลยีไบโอเมตริกซ์ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับกิจกรรมการเทรดของคุณ ลงทุนในอุปกรณ์ที่สามารถตรวจสอบไบโอเมตริกซ์ขั้นสูง เช่น การจดจำใบหน้าหรือการเข้าสู่ระบบด้วยลายนิ้วมือ เทคโนโลยีเหล่านี้จะยกระดับการป้องกันโดยการระบุตัวผู้ใช้แบบไม่ซ้ำกันตามลักษณะทางกายภาพของพวกเขา ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเข้าถึงบัญชีและข้อมูลส่วนบุคคลของคุณโดยไม่ได้รับอนุญาตได้เป็นอย่างมาก
ในขณะที่เทคโนโลยีการปกป้องข้อมูลก้าวหน้ายิ่งขึ้น ภัยคุกคามทางไซเบอร์และมัลแวร์ก็มีความซับซ้อนมากขึ้นเช่นกัน เมื่อมาตรการรักษาความปลอดภัยมีความเข้มแข็งมากขึ้น อาชญากรไซเบอร์ก็ปรับปรุงกลยุทธ์ของตัวเองอย่างต่อเนื่องเพื่อเอาชนะอุปสรรคเหล่านี้ การแข่งขันที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องระหว่างมาตรการรักษาความปลอดภัยและผู้ไม่ประสงค์ดีนี้ ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเฝ้าระวังและการปรับมาตรการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดภัยคุกคามอย่างมีประสิทธิภาพ
AI และ Machine Learning ในระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์: เทคโนโลยีเหล่านี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการปกป้องข้อมูล ซึ่งทำให้เกิดการกำหนดค่าแบบพิเศษ เช่น การจับคู่ ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อตรวจสอบปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ และป้องกันความพยายามของซอฟต์แวร์ในการละเมิดข้อมูล
ระบบคลาวด์แบบปิดในการเทรดทางออนไลน์อนุญาตให้มีการเข้าถึงแบบจำกัดสำหรับผู้ที่จำเป็นเท่านั้น ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยและการรักษาความลับ
การกำกับดูแล: กรอบการกำกับดูแลที่เปลี่ยนแปลงไปสำหรับแพลตฟอร์มเทรดออนไลน์ประกอบไปด้วยความก้าวหน้าทางด้านกฎหมายการรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ข้อกำหนดด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ และมาตรฐานอุตสาหกรรม
การควบคุมอย่างต่อเนื่อง กระบวนการติดตาม การวิเคราะห์และปรับการควบคุมความปลอดภัยอย่างต่อเนื่องตามการเปลี่ยนแปลงของความเสี่ยงแบบเรียลไทม์ เป็นแนวทางเชิงรุกโดยใช้ระบบและโปรโตคอลอัตโนมัติเพื่อตรวจสอบสถานะความปลอดภัยขององค์กรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที แอปพลิเคชัน และข้อมูล เพื่อประเมินว่าการป้องกันนั้นเพียงพอที่สำหรับการตรวจจับเส้นทางการโจมตีที่ซ่อนอยู่หรือช่องโหว่ใหม่และที่เกิดขึ้นใหม่หรือไม่ การใช้ machine learning ปัญญาประดิษฐ์ การแบ่งส่วนเครือข่าย และการวิเคราะห์พฤติกรรมเพื่อตรวจจับภัยคุกคาม การควบคุมแบบ ‘ต่อเนื่อง’ จะช่วยลดโอกาสที่ระบบรักษาความปลอดภัยจะล้มเหลว และช่วยให้องค์กรสามารถตอบสนองต่อภัยคุกคามที่เกิดขึ้นใหม่ได้แบบอัตโนมัติเพื่อลดความเสี่ยงได้ดียิ่งขึ้น
Zero Trust เป็นแนวทางเชิงกลยุทธ์ในการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อท้าทายสมมติฐานด้านความปลอดภัย เช่น ไม่ควรเชื่อ จงตรวจสอบอยู่เสมอ จากแนวคิดที่ว่า แม้แต่เครือข่ายภายในที่ปลอดภัยที่สุดก็สามารถถูกละเมิดได้ โมเดลสถาปัตยกรรม zero เริ่มต้นด้วยการไม่ไว้วางใจผู้ใช้ อุปกรณ์ แอปพลิเคชัน หรือเครือข่ายใด ๆ ไม่ว่าตำแหน่งทางกายภาพจะอยู่ที่ใด อยู่ภายในหรือภายนอกเครือข่ายขององค์กร หรือบทบาทในองค์กรของคุณ ผู้ใช้สามารถเข้าถึงทรัพยากรได้เฉพาะตามพื้นฐานสิทธิ์ขั้นต่ำเท่านั้น ซึ่งหมายความว่า การเข้าถึงจะถูกจำกัดเฉพาะสิ่งที่พวกเขาจำเป็นต้องใช้ในการปฏิบัติงานเท่านั้น และการเข้าถึงจะได้รับการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องผ่านแนวทางตัวแปรแบบหลายชั้น: คุณเป็นใคร อุปกรณ์ใดที่คุณใช้อยู่, คุณอยู่ที่ไหน, คุณกำลังทำอะไรอยู่ โมเดลนี้ส่งผลให้เกิดนโยบายที่บังคับใช้การควบคุมการเข้าถึงที่เข้มงวด และมีการพึ่งพากลยุทธ์ต่าง ๆ เช่น การตรวจตัวตนแบบหลายระดับ การจัดการข้อมูลประจำตัวและการเข้าถึง (IAM) การเข้ารหัส การแบ่งส่วนย่อย และการแบ่งส่วนเครือข่าย เพื่อปฏิเสธการเข้าถึงทรัพย์สินขององค์กรและป้องกันการละเมิด
เทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งได้ปฏิวัติการปกป้องข้อมูลผ่านการกระจายศูนย์ ทำให้เกิดความโปร่งใสด้วยการใช้ความปลอดภัยในการเข้ารหัส สัญญาอัจฉริยะ และกลไกการใช้เสียงส่วนใหญ่ สิ่งนี้ทำให้มั่นใจถึงความปลอดภัยในการทำธุรกรรม การลดความเสี่ยงของการฉ้อโกง และการปรับเปลี่ยนแอปพลิเคชันต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการจัดการห่วงโซ่อุปทาน และการยืนยันตัวตน
การเตรียมตัว และตอบสนองต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์: การใช้มาตรการเชิงรุกเพื่อแก้ไขและลดความเสี่ยงของผลกระทบจากการละเมิดและการสูญหายของข้อมูล สิ่งนี้จะเกี่ยวข้องกับการกำหนดแผนการตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่ครอบคลุมเพื่อตอบสนองต่อเหตุการณ์ทางไซเบอร์ที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ซึ่งรวมถึงการละเมิดข้อมูล การโจมตีของมัลแวร์ และการบุกรุกระบบ การประกันภัยทางไซเบอร์มีบทบาทสำคัญในการบรรเทาความสูญเสียทางการเงินและความรับผิดอันเป็นผลมาจากเหตุการณ์ทางไซเบอร์ โดยให้ความคุ้มครองทางการเงินต่อค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการกู้คืนข้อมูล ค่าใช้จ่ายทางกฎหมาย และค่าปรับตามกฎระเบียบ กลยุทธ์การกู้คืนจะเน้นไปที่การกู้คืนการดำเนินงานและการกู้คืนข้อมูลที่หายไปหลังจากเหตุการณ์ทางไซเบอร์โดยมีเป้าหมายเพื่อให้การดำเนินธุรกิจหยุดชะงักน้อยที่สุดและรักษาความไว้วางใจของลูกค้าเอาไว้ต่อไป
การเข้ารหัสควอนตัม: การคำนวณแบบควอนตัมทำให้เกิดความเป็นไปได้ในการใช้วิธีการเข้ารหัสที่ปลอดภัยเป็นพิเศษ เช่น การกระจายคีย์ควอนตัม (QKD) ซึ่งใช้ประโยชน์จากหลักการของกลศาสตร์ควอนตัมเพื่อปกป้องช่องทางการสื่อสารจากการถูกดักรับ
การทำงานร่วมกันและการแบ่งปันข้อมูล: ความร่วมมือจะช่วยแก้ไขและลดความเสี่ยงของภัยคุกคามทางไซเบอร์ภายในเซ็กเตอร์การเทรดออนไลน์ สิ่งนี้จะเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรม การแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับภัยคุกคาม แนวทางการปฏิบัติที่ดีที่สุด และทรัพยากรเพื่อเพิ่มความสามารถในการเตรียมตัว และตอบสนองต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์ และป้องกันภัยคุกคามที่มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา
FXGT.com เป็นโบรกเกอร์ที่ได้รับใบอนุญาตและมีการกำกับดูแลอย่างเต็มรูปแบบ โดยมีการปฏิบัติตามข้อกำหนดและมาตรฐานด้านกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องทั้งหมด FXGT.com มีการดำเนินงานภายใต้อำนาจและการกำกับดูแลของหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อทำให้มั่นใจว่า การดำเนินงานเป็นไปตามมาตรฐานทางกฎหมายและจริยธรรมที่เข้มงวด การปฏิบัติตามข้อกำหนดหมายถึงการปฏิบัติตามกฎและข้อบังคับที่กำหนดขึ้นโดยหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแล เช่น หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินหรือหน่วยงานของรัฐ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของเทรดเดอร์และนักลงทุน ด้วยการปฏิบัติตามข้อกำหนดทั้งหมด FXGT.com ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นต่อความโปร่งใส ความซื่อสัตย์ และความน่าเชื่อถือในอุตสาหกรรมการเทรดออนไลน์ ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์มีความมั่นใจและรู้สึกอุ่นใจเมื่อทำธุรกรรมทางการเงินบนแพลตฟอร์ม ลงทะเบียนเลยวันนี้!