ตัวเลขลำดับ Fibonacci ไม่เพียงแต่ปฏิวัติกลยุทธ์การเทรด แต่ยังเปลี่ยนการมองธรรมชาติของเราอีกด้วย เทคโนโลยีสมัยใหม่ช่วยให้เราสามารถใช้ประโยชน์จากหุ่นยนต์ที่มีความสามารถในการคำนวณ Fibonacci ซึ่งทำให้เราไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความซับซ้อนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการคำนวณนี้ ลองนึกภาพกราฟราคาหุ้นที่เคลื่อนตัวแบบแบบซิกแซกตามตลาดที่เป็นเหมือนรถไฟเหาะ อย่างไรก็ตาม ด้วยการใช้ Fibonacci retracement เราจะได้กรอบแนวทางสำหรับการเกาะไปกับการเคลื่อนตัวนี้
ตลาดอาจมีความผันผวนเป็นอย่างมาก แต่กลยุทธ์นี้จะช่วยให้การตัดสินใจเกิดขึ้นจากความรู้ ถึงแม้ว่าความสามารถทางคณิตศาสตร์อาจไม่ใช่จุดแข็งของคุณ แต่การเข้าใจว่า retracements ช่วยเพิ่มความแม่นยำได้จะสามารถช่วยให้คุณมีเครื่องมือในการรับมือกับสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ของตลาด
Fibonacci ซึ่งเป็นชื่อที่มีการพูดถึงมาอย่างยาวนาน อาจทำให้ใครบางคนคิดว่านี่เป็นแนวคิดของนักคณิตศาสตร์ชาวอิตาลีผู้เก่งกาจ น่าประหลาดใจที่ลำดับตัวเลขนี้มีรากฐานมาจากภูมิปัญญาโบราณของนักคณิตศาสตร์ชาวอินเดีย ซึ่งเกิดขึ้นก่อนที่ Leonardo Fibonacci จะแนะนำให้โลกตะวันตกได้รู้จัก
เพราะเหตุใดทุกคนถึงได้รู้สึกสนใจลำดับตัวเลขนี้? นี่ไม่ใช่แค่ลำดับของตัวเลขเท่านั้น แต่ยังเป็นภาพสะท้อนของความกลมกลืนทางคณิตศาสตร์กับธรรมชาติ ศิลปะ สถาปัตยกรรม และปรากฏการณ์อื่น ๆ ที่อยู่เหนือจินตนาการ
ลองนึกภาพวงก้นหอยของเปลือกหอย กลีบดอกของดอกไม้ หรือสัดส่วนของร่างกายมนุษย์ ซึ่งแต่ละอย่างอยู่ภายใต้หลักการอันลึกซึ้งของลำดับตัวเลข การมีอยู่ของลำดับตัวเลขนี้ทำให้เราเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าคณิตศาสตร์ปรากฏอยู่ในโลกที่สวยงามและซับซ้อนของเราอย่างไรบ้าง อีกทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจให้เราหาหนทางแก้ไขปัญหาอื่น ๆ เช่น ความไม่แน่นอนของราคาในการเทรด
สิ่งมหัศจรรย์ทางคณิตศาสตร์นี้ส่งผลต่อชีวิตประจำวันของเราอย่างไรบ้าง? ในโลกของการเทรด คณิตศาสตร์มาบรรจบกับเศรษฐศาสตร์ทำให้เกิดตัวเลขและความน่าจะเป็น ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากต่อนักลงทุนทุกคน
การทำความเข้าใจรูปแบบและการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของตลาดเป็นกุญแจไปสู่ความสำเร็จ ลำดับตัวเลขจะกลายเป็นเครื่องมืออันทรงพลังสำหรับเรื่องนี้ และยังเป็นแนวทางให้เทรดเดอร์ในการหาจุดกลับตัวของราคาหรือการเคลื่อนตัวไปต่อที่อาจเป็นไปได้ สิ่งที่เริ่มต้นจากการสังเกตเชิงตัวเลขในสมัยโบราณสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในทางปฏิบัติกับตลาดการเงินสมัยใหม่ได้ ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงเหนือกาลเวลาของหลักการทางคณิตศาสตร์
ลำดับตัวเลข
ลำดับ Fibonacci มีลักษณะคือ: ตัวเลขแต่ละตัวเป็นผลบวกของตัวเลขสองตัวก่อนหน้า โดยเริ่มจาก 1 ทำให้ได้: 1, 1, 2, 3, 5, 8 และต่อไปเรื่อย ๆ
ในการเทรด อัตราส่วน Fibonacci สำคัญที่ได้มาจากลำดับตัวเลขนี้คือ 23.6%, 38.2%, 50%, 61.8% เทรดเดอร์จะนำอัตราส่วนเหล่านี้มาซ้อนทับการเคลื่อนไหวของราคาก่อนหน้านี้เพื่อหาจุดกลับตัวในตลาดที่อาจเกิดขึ้น หรือที่เรียกว่าระดับ Fibonacci retracement และใช้จุดเหล่านี้ในการกำหนดเป้าหมายราคาหรือระดับ stop-loss
ลำดับตัวเลขนี้มีรูปแบบที่น่าทึ่ง — อัตราส่วนทองคำ อัตราส่วนที่ได้มาจากลำดับตัวเลขนี้ค่อนข้างมีความพิเศษ เมื่อคุณหารตัวเลขใด ๆ ในลำดับด้วยตัวเลขถัดไป คุณจะได้ผลลัพธ์ประมาณ 0.618 หรือ 61.8% ตัวอย่างเช่น หากคุณหาร 89 ด้วย 144 คุณจะได้ 0.618 และเมื่อหาร 610 หารด้วย 987 ก็จะได้ผลลัพธ์เช่นเดียวกัน อัตราส่วนที่มีความสม่ำเสมอนี้จะยังคงเหมือนเดิมตลอดทั้งชุดตัวเลข Fibonacci ไม่ว่าคุณจะเลือกตัวเลขใดก็ตาม ดังนั้น 61.8% คืออัตราส่วนทองคำ
สิ่งที่ทำให้ Fibonacci แตกต่างจากเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคทั่วไปคือ สูตรของ Fibonacci ถูกพบทุกที่ในธรรมชาติ Fibonacci และอัตราส่วนทองคำนั้นปรากฏอยู่ในปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ซึ่งแตกต่างจากตัวบ่งชี้ที่ถูกสร้างขึ้น ถึงแม้ว่าข้อมูลทางเศรษฐกิจได้ถูกเผยแพร่ การเคลื่อนไหวของราคายังคงเป็นไปตามจุด Fibonacci ซึ่งบ่อยครั้งถูกให้ความสำคัญมากกว่าตัวบ่งชี้ทางเทคนิคทั่วไป
นี่คือตัวอย่างการใช้งานจริงของอัตราส่วนทองคำในการเทรด:
เทรดเดอร์ใช้ retracements ในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งมีการปรับให้เหมาะกับกลยุทธ์ของแต่ละบุคคล โดยทั่วไป retracements ถูกใช้ในการหาระดับแนวรับและแนวต้าน เทคนิคทั่วไปอย่างหนึ่งคือการหาจุดกลับตัว ส่วนอีกเทคนิคหนึ่งคือการใช้ retracements เมื่อราคาทะลุผ่านจุดสูงสุดหรือต่ำสุดล่าสุดเพื่อคาดการณ์ระดับราคาในอนาคต
การเคลื่อนไหวของราคาในตลาดการเงินมักไม่ได้เกิดขึ้นแบบสุ่ม การเคลื่อนไหวเหล่านี้มักสะท้อนถึงความทรงจำและจิตวิทยาโดยรวมของผู้มีส่วนร่วมในตลาด การเคลื่อนไหวของราคาในอดีตมีบทบาทสำคัญในการกำหนดการเคลื่อนไหวของตลาดในอนาคต เทรดเดอร์สังเกตเห็นว่า การเคลื่อนไหวของราคามีแนวโน้มที่จะสัมพันธ์และเป็นสัดส่วนกับการเคลื่อนไหวในครั้งก่อน นี่คือจุดที่ระดับ Fibonacci เข้ามามีบทบาท โดยเป็นพื้นฐานทางคณิตศาสตร์สำหรับการทำความเข้าใจและคาดการณ์พฤติกรรมของตลาด
เมื่อราคาไปถึงจุดสูงสุดใหม่หรือจุดต่ำสุดใหม่ ราคามักจะเปลี่ยนทิศทางกลับเล็กน้อยก่อนที่จะดำเนินต่อไปในทิศทางของแนวโน้มเดิม Fibonacci retracement ช่วยในการคาดการณ์ว่าการเปลี่ยนทิศทางเหล่านี้จะสิ้นสุดที่จุดใด ก่อนที่ราคาจะกลับมาเคลื่อนไหวในทิศทางของแนวโน้มเดิม ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถพิจารณาใช้ระดับราคาเหล่านี้ในการตัดสินใจซื้อหรือขาย โดยคาดการณ์ว่าราคาจะกลับมาเคลื่อนตัวในทิศทางของแนวโน้มหลักหลังจากไปแตะที่จุดสำคัญเหล่านี้
สัมพัทธภาพในการเคลื่อนไหวของราคา
ตลาดการเงินถูกขับเคลื่อนโดยรูปแบบที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ กันเมื่อเวลาผ่านไป ตัวอย่างเช่น การที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก $10 เป็น $20 ไม่ได้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นการเคลื่อนไหวที่อาจส่งผลต่อพฤติกรรมของราคาในอนาคต หากตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เทรดเดอร์มักคาดว่าจะมีการย่อตัวตามมาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวงจรตลาดตามธรรมชาติ ในลักษณะเดียวกัน หลังจากการปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว ตลาดมักคาดว่าจะมีการปรับตัวขึ้นตามมา
ข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญคือการเคลื่อนไหวของราคาที่ตามมามักจะมีความสัมพันธ์กับการเคลื่อนไหวครั้งก่อนในลักษณะที่สามารถระบุและวัดได้ ความสัมพันธ์นี้สามารถแสดงออกมาเป็นการพักตัวหรือปรับตัวต่อไปจากแนวโน้มก่อนหน้า การเคลื่อนไหวที่ตามมาเหล่านี้คือจุดที่เทรดเดอร์สามารถใช้อัตราส่วน Fibonacci เพื่อคาดการณ์จุดปิดโพซิชั่นที่อาจเกิดขึ้น ทั้งในด้านการกลับตัวและดำเนินต่อไปของแนวโน้ม
ทำไมระดับ Fibonacci ถึงใช้ได้ผล
ระดับ Fibonacci มีประสิทธิภาพเนื่องจากมันมีรากฐานอยู่ในทุก ๆ การเคลื่อนไหวของราคาที่ต้องการคาดการณ์ อัตราส่วน 23.6%, 38.2%, 50%, 61.8% และอื่น ๆ ไม่ได้เป็นแค่ตัวเลขธรรมดา แต่เป็นตัวเลขที่ได้มาจากลำดับตัวเลข ซึ่งตัวเลขเหล่านี้มีความสำคัญตามธรรมชาติและตามข้อมูลย้อนหลังในการอธิบายถึงความสัมพันธ์ที่มีลักษณะเป็นสัดส่วน
เหตุผลที่ระดับ Fibonacci ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและได้ถูกนำไปใช้ในกลุ่มสังคมการเทรดคือการเป็นรากฐานของการเคลื่อนไหวของราคาในอดีต การเคลื่อนไหวเหล่านี้ให้กรอบในการวิเคราะห์อนาคตโดยดูจากอดีตที่ผ่านมา ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์สามารถโมเดลทางคณิตศาสตร์เหล่านี้เป็นแนวทางในการทำนายว่าราคามีแนวโน้มที่จะไปทิศทางไหนตามการเคลื่อนไหวของราคาที่ผ่านมา
แนวรับคืออะไร?
นี่คือจุดของราคาที่หุ้นหรือตลาดหยุดปรับตัวลงเป็นจำนวนหลายครั้ง เนื่องจากมีผู้ซื้อที่ได้เข้าสู่ตลาดเป็นจำนวนมากเพียงพอซึ่งทำให้ราคาไม่ได้ปรับตัวลดลงอีก หรืออาจกล่าวได้ว่านี่คือ “พื้น” ที่ราคามีแนวโน้มที่จะดีดตัวขึ้น
แนวต้านคืออะไร?
ในทางกลับกัน แนวต้านคือจุดของราคาที่หุ้นหรือตลาดหยุดปรับตัวขึ้นเป็นจำนวนหลายครั้ง เนื่องจากมีผู้ขายในตลาดเป็นจำนวนมากพอที่ทำให้ราคาไม่ได้ปรับตัวขึ้นอีก มันทำหน้าที่เหมือนเป็น “เพดาน” ที่จำกัดการเคลื่อนตัวขึ้นของราคา
แนวต้านคืออะไร?
ในทางกลับกัน แนวต้านคือจุดของราคาที่หุ้นหรือตลาดหยุดปรับตัวขึ้นเป็นจำนวนหลายครั้ง เนื่องจากมีผู้ขายในตลาดเป็นจำนวนมากพอที่ทำให้ราคาไม่ได้ปรับตัวขึ้นอีก มันทำหน้าที่เหมือนเป็น “เพดาน” ที่จำกัดการเคลื่อนตัวขึ้นของราคา
สิ่งสำคัญคือ เราต้องเข้าใจว่าการกลับตัวแบบชั่วคราวไม่เหมือนกับการกลับตัว การกลับตัวแบบชั่วคราวเป็นเพียงการพักชั่วคราว ซึ่งแนวโน้มที่กำลังดำเนินอยู่จะหยุดลงชั่วคราว การกลับตัวจะเกิดขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทิศทางของตลาดโดยสมบูรณ์
เทรดเดอร์มักใช้การกลับตัวแบบชั่วคราวในการหาจุดเข้าและออกสำหรับการเทรด ตัวอย่างเช่น เทรดเดอร์อาจใช้ประโยชน์จากระดับการกลับตัวแบบชั่วคราวตามลำดับเลข Fibonacci เช่น ระดับการกลับตัวชั่วคราว 38.2% หลังจากการเกิดแนวโน้มขาลง โดยคาดว่าจะมีการเคลื่อนตัวในทิศทางขาขึ้นในภายหลัง
แม้ว่าการกลับตัวแบบชั่วคราวจะมีประโยชน์ แต่มันก็ไม่ได้เป็นไปตามรูปแบบที่กำหนดไว้เสมอไป เช่น ตามระดับ Fibonacci อย่างไรก็ตามระดับเหล่านี้เป็นเครื่องมือที่มีค่าในการหาแนวรับและแนวต้านที่อาจเกิดขึ้น
สรุปเกี่ยวกับการกลับตัวแบบชั่วคราว:
เมื่อหาระดับการกลับตัวแบบชั่วคราวโดยใช้อัตราส่วน Fibonacci คุณจะต้องวัดจากความเคลื่อนไหวของราคาจากต่ำไปสูง (ในแนวโน้มขาขึ้น) ในตัวอย่างนี้ ราคาน้ำมันเคลื่อนตัวจาก $40 ไปยัง $70 ช่วงของการเคลื่อนตัวนี้คือ $30 ($70 – $40)
ในการหาระดับ Fibonacci retracement ด้วยตนเอง คุณจะต้องคูณช่วงการเคลื่อนที่กับอัตราส่วนที่เหมาะสม หลังจากนั้นจึงลบตัวเลขนั้นออกจากการเคลื่อนไหวของราคาที่จุดสูงสุด นี่คือวิธีคำนวณระดับ Fibonacci ที่สำคัญ:
ช่วงของการเคลื่อนตัวคือ $70 – $40 = $30
ในตอนนี้ ลองมาประยุกต์ใช้เปอร์เซ็นต์ Fibonacci:
ระดับ Fibonacci retracement จะอยู่ที่ประมาณ:
ระดับเหล่านี้เป็นจุดที่นักลงทุนคาดไว้ว่าเป็นแนวรับหากราคาน้ำมันปรับตัวกลับเป็นการชั่วคราวจากระดับสูงสุดที่ $70
ไม่ว่าคุณเป็นเทรดเดอร์มือใหม่หรือเป็นเทรดเดอร์ผู้มากประสบการณ์ อัตราส่วนทองคำสามารถช่วยให้คุณเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใช้เส้นการกลับตัวแบบชั่วคราวบนกราฟเพื่อหาระดับแนวรับและแนวต้าน ซึ่งเป็นจุดที่ราคาอาจหยุดชั่วคราวหรือเปลี่ยนทิศทาง วาดเส้นเหล่านี้โดยแบ่งระยะห่างในแนวตั้งระหว่างจุดบนและจุดล่างบนกราฟ แล้วจึงวาดลง ระดับเหล่านี้ช่วยในการหาพื้นที่การกลับตัวของราคาที่อาจเกิดขึ้น มันอาจฟังดูซับซ้อนแต่จะง่ายกว่าที่คุณคิดเมื่อคุณลองเริ่มทำ
การเปลี่ยนจากทฤษฎีไปสู่การปฏิบัติ
ตอนนี้เราได้เข้าใจถึงวิธีการลากเส้น Fibonacci retracement บนกราฟแล้ว เรามาลองเจาะลึกเทคนิคบางอย่างที่สามารถใช้ในการยกระดับกลยุทธ์การเทรดของคุณโดยใช้เส้นเหล่านี้กัน การลองใช้งานจริงจะแสดงให้เห็นถึงพลังของระดับ Fibonacci ในการจับความเคลื่อนไหวของตลาด
เทคนิคที่ 1: การสร้างระดับ Fibonacci Retracement โดยใช้คลื่น impulse ล่าสุด
ในเทคนิคเบื้องต้นนี้ เราจะเน้นไปที่การหาระดับแนวรับที่อาจเป็นไปได้ ซึ่งจะเกิดขึ้นหลังจากคลื่น impulse สำคัญครั้งล่าสุดของตลาด แนวทางนี้จะเข้ามามีบทบาทหลังจากการเกิดคลื่นแรงในทิศทางของแนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้นเริ่มทำให้เกิดจุดสูงสุด และในเวลาต่อมาเริ่มเกิดการพักตัวจากจุดสูงสุดล่าสุด เป้าหมายของเราในขณะที่การกลับตัวแบบชั่วคราวกำลังดำเนินอยู่คือการคาดการณ์ระดับแนวรับของแนวโน้มที่กำลังดำเนินอยู่ ซึ่งจะเป็นการหยุดคลื่นการกลับตัวชั่วคราวนี้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ เราจะใช้เครื่องมือ retracement ในช่วงการเกิดคลื่น impulse ล่าสุด ด้วยการยึดเครื่องมือไว้ที่จุดเริ่มต้นของคลื่น impulse (จุดต่ำสุด) และลากไปยังจุดสูงสุด เรากำลังจับระดับ Fibonacci ที่อาจเป็นระดับแนวรับ ระดับเหล่านี้ ซึ่งได้มาจากอัตราส่วนสำคัญ เช่น 23.6%, 38.2%, 50% และ 61.8% เป็นตัวแทนของโซนที่ตลาดมีการทรงตัวในอดีตและอาจพลิกกลับได้ซึ่งจะทำให้กลับมาสู่แนวโน้มเดิมอีกครั้ง ด้วยการหาคลื่น impulse ที่มีลักษณะเคลื่อนที่แรงและการใช้ระดับเหล่านี้ เทรดเดอร์สามารถกำหนดกลยุทธ์ในการหาประโยชน์จากความต่อเนื่องของแนวโน้มหลักได้ สำหรับการใช้เครื่องมือ Fibonacci retracement อันดับแรกเทรดเดอร์จะต้องระบุจุดราคาสำคัญ ซึ่งโดยทั่วไปคือราคาสูงสุดและต่ำสุดบนกราฟ หลังจากนั้นจึงใช้เครื่องมือด้วยการหาระดับเปอร์เซ็นต์ระหว่างจุดสองจุดนี้ สำหรับการใช้ระดับ Fibonacci กับคลื่น impulse ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนดังต่อไปนี้:
1. เลือกช่วงการเคลื่อนตัว: กำหนดราคาสูงสุดและต่ำสุดครั้งล่าสุดบนกราฟในไทม์เฟรมที่คุณกำลังวิเคราะห์
2.ตั้งระดับ Fibonacci: ใช้เครื่องมือ Fibonacci จากแพลตฟอร์มเทรดของคุณ ลากเส้นจากต่ำไปสูง (สำหรับแนวโน้มขาลงให้กลับกัน) ซึ่งจะเป็นการพล็อตระดับ Fibonacci retracement ระหว่างสองจุดนี้แบบอัตโนมัติ
3.การแปลความหมายของระดับต่าง ๆ ระดับ retracement เป็นเส้นแนวนอนที่แสดงว่าแนวรับและแนวต้านน่าจะเกิดขึ้น ระดับเหล่านี้ไม่ได้เป็นการรับประกันว่าจะเกิดขึ้นจริง แต่เป็นโซนที่เป็นไปได้ที่พฤติกรรมราคาสามารถเปลี่ยนแปลงได้
ในตัวอย่างนี้ ระดับ retracement ถูกกำหนดโดยการกำหนดจุดต่ำสุดที่มีนัยสำคัญ ซึ่งแสดงด้วยเส้น Fibonacci 100% และลากขยายเครื่องมือไปยังจุดสูงสุดที่มีนัยสำคัญของการเคลื่อนตัวของราคา ซึ่งแสดงด้วยเส้น 0% เราจำเป็นต้องใช้เครื่องมือ Fibonacci retracement โดยลากจากซ้ายไปขวา และยึดตามทิศทางการเคลื่อนตัวของราคาจากจุดเริ่มต้นที่จุดต่ำสุดไปจนถึงจุดสูงสุดภายในไทม์เฟรมที่ต้องการ
เมื่อใช้งาน เครื่องมือนี้จะแสดงระดับที่สำคัญไปบนกราฟ—23.6%, 38.2%, 50% และ 61.8%—ซึ่งทำหน้าที่เป็นระดับแนวรับที่เป็นไปได้ในช่วงระหว่างการปรับฐานของราคา ระดับเหล่านี้เป็นเครื่องมือในการวัดว่าการกลับตัวชั่วคราวนี้อาจหยุดหรือกลับตัวอีกครั้งเมื่อใด โดยถือเป็นข้อมูลสำหรับเทรดเดอร์ในการหาจุดเข้าหรือออกที่เป็นไปได้ คุณสามารถฝึกการทำ retracements และ extensions ได้ในบัญชีเดโมของ FXGT.com ที่มีข้อมูลแบบเรียลไทม์ ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถเรียนรู้ได้แบบปราศจากความเสี่ยง
ในตัวอย่างต่อไปนี้ เราจะเห็นคลื่นการกลับตัวแบบชั่วคราวที่ระดับ Fibonacci 38.2% ก่อนที่จะกลับตัวและดำเนินต่อในทิศทางของแนวโน้มหลัก
เทคนิคที่ 2: การสร้างระดับ Fibonacci Retracement โดยใช้แนวโน้มล่าสุด
เทคนิค Fibonacci retracement มีความหลากหลายในการใช้งานและสามารถนำมาใช้ได้หลายวิธีเพื่อวัดการเคลื่อนตัวของราคาที่อาจเกิดขึ้น ในทางตรงกันข้ามกับวิธีก่อนหน้านี้ที่ให้ความสำคัญกับคลื่น impulse ล่าสุด การใช้งาน Fibonacci อีกรูปแบบหนึ่งจะเป็นการวัดจากจุดต่ำสุดจริงไปจนถึงจุดสูงสุดภายในกรอบของแนวโน้มกำลังเกิดขึ้น แนวทางนี้ให้มุมมองที่กว้างขึ้น ซึ่งจะครอบคลุมความเคลื่อนไหวทั้งหมดของแนวโน้มตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงจุดสูงสุด เป็นการให้มุมมองที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับระดับแนวรับที่เป็นไปได้
เมื่อตลาดอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นที่ได้รับการยืนยัน เครื่องมือ Fibonacci retracement จะถูกใช้เพื่อหาระดับการกลับตัวชั่วคราวจากจุดเริ่มต้นของแนวโน้ม — จุดต่ำสุดที่เคยไปถึงก่อนการเคลื่อนตัวในทิศทางขาขึ้นจะเริ่มขึ้น — ยืดไปยังจุดสูงสุดล่าสุดหรือจุดสูงสุดของเทรนด์ การใช้งานในรูปแบบนี้มีประโยชน์อย่างมากในการทำความเข้าใจความแข็งแกร่งของแนวโน้มระยะยาวและการวัดระดับแนวรับสำคัญที่อาจเข้ามามีบทบาทในระหว่างการกลับตัวแบบชั่วคราว
ระดับ Fibonacci เหล่านี้ซึ่งเมื่ออ้างอิงตามอัตราส่วนเดียวกัน จะทำหน้าที่เป็นโซนแนวรับที่อาจเกิดขึ้น เมื่อราคาย่อตัวจากจุดสูงสุด ระดับแต่ละส่วนจะถูกมองเป็นสัญญาณของแนวรับ การทรงตัวของราคา หรือการกลับตัวที่อาจเป็นไปได้ สิ่งนี้อาจส่งสัญญาณให้เทรดเดอร์พิจารณาเปิดโพซิชั่น long โดยคาดการณ์ถึงแนวโน้มขาขึ้นที่กำลังจะกลับมาเกิดขึ้นอีกครั้ง
ในทางกลับกัน ในแนวโน้มขาลง เครื่องมือนี้จะถูกใช้จากจุดสูงสุดของแนวโน้มขาลงล่าสุดไปยังจุดต่ำสุด วิธีการนี้จะช่วยในการคาดการณ์ระดับการฟื้นตัวขึ้น ซึ่งทำหน้าที่เป็นเหมือนพื้นที่แนวต้านที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งราคาอาจได้รับแรงกดดันในช่วงการเด้งกลับชั่วคราว
เครื่องมือ Fibonacci retracement ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถคาดการณ์ด้วยความมั่นใจมากยิ่งขึ้นว่าตลาดอาจพลิกกลับหรือทรงตัวหลังจากราคาได้มีการเคลื่อนตัวอย่างแข็งแกร่งไม่ว่าจะเป็นบนตลาดกระทิงหรือตลาดหมีก็ตาม เครื่องมือนี้ทำให้เทรดเดอร์มีข้อมูลที่มากยิ่งขึ้นในการตัดสินใจตามกลยุทธ์การเทรดของตัวเอง สำหรับการใช้แนวทางนี้ เทรดเดอร์จะได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับมุมมองโดยรวมและความยั่งยืนของแนวโน้ม สิ่งนี้ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถประเมินระดับของการกลับตัวชั่วคราว และช่วยในการแยกแยะระหว่างการกลับตัวแบบชั่วคราวของตลาดกับการกลับตัวของแนวโน้ม
เคล็ดลับสำหรับการประยุกต์ใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อผิดพลาดทั่วไปที่ควรหลีกเลี่ยง
เทคนิคที่ 3: ทำความเข้าใจวิธีการ Fibonacci Projection
Projection เป็นเทคนิคการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ใช้ในการคาดการณ์ราคาในอนาคตโดยการกำหนดเป็นพื้นที่ที่ราคาอาจมีการเคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญ การใช้เปอร์เซ็นต์เหล่านี้จะช่วยวัดว่าราคาอาจเคลื่อนตัวไปได้ไกลแค่ไหนหลังจากเสร็จสิ้นการกลับตัวชั่วคราวในแนวโน้มที่กำลังดำเนินอยู่ วิธีการนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งในการกำหนดเป้าหมายการทำกำไรในช่วงการเคลื่อนตัวของราคาที่ขยายออกไป
พื้นฐานของ Fibonacci Projection
Fibonacci projection จะแตกต่างจาก retracement และจะมีการใช้เมื่อราคากลับมาเคลื่อนไหวในทิศทางของแนวโน้มที่กำลังดำเนินอยู่ หลังจากเกิดการกลับตัวแบบชั่วคราว เทคนิคนี้มีความสำคัญเมื่อราคาทะลุผ่านจุดสูงสุดหรือต่ำสุดก่อนหน้านี้ เนื่องจากมันจะช่วยในการคาดการณ์ว่าระดับแนวต้านหรือแนวรับต่อไปน่าจะเกิดขึ้นที่ใดในแนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น ในแนวโน้มขาขึ้นที่ราคามีการย่อตัวแล้วจึงเคลื่อนตัวทะลุเหนือระดับสูงสุดก่อนหน้า Fibonacci projection สามารถช่วยในการคาดการณ์ว่าราคามีโอกาสเจอแนวต้านใหม่ที่ตำแหน่งใด ซึ่งอาจเป็นการบ่งบอกถึงจุดที่แนวโน้มของราคาอาจหยุดหรือกลับตัวได้
วิธีการ projection จะเกี่ยวข้องกับจุดสำคัญสองจุดบนกราฟเพื่อคาดการณ์การเคลื่อนตัวของราคาในอนาคต:
1.จุดสิ้นสุดของคลื่น Impulse: จุดนี้ถือเป็นจุดสิ้นสุดของการเคลื่อนตัวในแนวโน้มเริ่มต้นก่อนที่การกลับตัวชั่วคราวจะเริ่มต้น
2. จุด Retracement: นี่คือจุดที่ไกลที่สุดที่ราคาจะย้อนกลับได้ก่อนที่จะกลับมาสู่ทิศทางแนวโน้มเดิม
ด้วยการเชื่อมต่อสองจุดนี้ คุณจะสามารถใช้อัตราส่วน Fibonacci เพื่อคาดการณ์ว่าแนวโน้มจะดำเนินต่อไปได้ไกลแค่ไหนหลังจากการกลับตัวชั่วคราวเกิดขึ้นโดยสมบูรณ์แล้ว
อัตราส่วน Fibonacci สำคัญที่ใช้ในการ Projection
ในขณะที่ retracement เน้นไปที่ 23.6%, 38.2%, 61.8%, projection จะใช้อัตราส่วนที่ต่างกัน:
อัตราส่วนเหล่านี้ช่วยคาดการณ์ว่าราคาจะเคลื่อนที่ไปในทิศทางใดโดยการคาดการณ์เปอร์เซ็นต์เหล่านี้จากจุดกลับตัวชั่วคราวตามทิศทางของแนวโน้ม
การสร้างระดับ Fibonacci Projection บนกราฟ
สำหรับเทคนิคการ projection วัตถุประสงค์คือเพื่อคาดการณ์ว่าระดับแนวต้านอาจเกิดขึ้นที่จุดใด หากหลังจากการกลับตัวชั่วคราว การเคลื่อนตัวของราคามีการทะลุผ่านจุดสูงสุดล่าสุด สำหรับการใช้วิธีนี้:
1. เริ่มต้นด้วยการหาจุดสูงสุดล่าสุด ซึ่งในกรณีนี้คือตำแหน่งที่เส้น Fibonacci 100%
2. หลังจากนั้น ยึดเครื่องมือไว้ที่จุดต่ำสุดของคลื่นการกลับตัวชั่วคราว ซึ่งถูกแสดงด้วยเส้น 0% การวาด Fibonacci projection จะต้องทำจากซ้ายไปขวา ตามการเปลี่ยนแปลงของราคาจากสูงไปต่ำ
3. การดำเนินการนี้จะคาดการณ์ระดับแนวต้านที่อาจเป็นไปได้เหนือจุดที่เกิดการทะลุผ่าน โดยเฉพาะส่วนขยาย 161.8%, 261.8% และ 423.6%
จากการยกตัวอย่างของเรา เราสังเกตว่า หลังจากการทะลุผ่านจุดสูงสุดล่าสุด ตลาดได้พบกับแนวต้านสำคัญตรงตามที่คาดการณ์ที่ระดับประมาณ 261.8% ซึ่งต่อมาได้นำไปสู่การกลับตัวอย่างเด่นชัดในทิศทางของตลาด ระดับการคาดการณ์เหล่านี้มีค่าอย่างมากสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการกำหนดเป้าหมายการกำไรหรือประเมินความแข็งแกร่งของแนวโน้มหลังจากการเบรกเอาท์
เมื่อใดควรปิดการเทรดตาม Fibonacci Projection:
ประโยชน์:
ข้อจำกัด:
Fibonacci extensions ทำงานคล้ายกับ retracement โดยมีการคำนวณจากจุดต่ำสุดครั้งก่อนไปยังจุดสูงสุด หรือจากจุดสูงสุดไปยังจุดต่ำสุด โดยใช้จุดข้อมูลเพียงสองจุดในการกำหนดความสัมพันธ์ของราคา ความแตกต่างอยู่ที่จุดประสงค์: Retracements จะวิเคราะห์การแกว่งที่น้อยกว่า 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นการกลับตัวชั่วคราวจากการเคลื่อนไหวก่อนหน้า ในขณะที่ extensions จะตรวจสอบการแกว่งตัวที่เกิน 100 เปอร์เซ็นต์ ถึงแม้ว่าจะมีการใช้เครื่องมือเดียวกันบนแพลตฟอร์ม FXGT MT4 และ MT5 แต่เทคนิคเหล่านี้มีการตั้งชื่อที่แตกต่างกันเพื่อบ่งบอกว่าความสัมพันธ์ของราคาเกิดขึ้นภายในหรือออกนอกการแกว่งตัวครั้งก่อน Extensions จะคำนวณจากการสวิงจากจุดต่ำสุดไปสูงสุดโดยใช้อัตราส่วนเช่น 1.272 และ 1.618 เพื่อหาแนวรับที่เป็นไปได้ และจากการสวิงจากจุดสูงสุดไปต่ำสุดโดยใช้อัตราส่วนเดียวกันเพื่อหาแนวต้านที่อาจเกิดขึ้น อัตราส่วนเพิ่มเติม เช่น 2.618 และ 4.236 ก็นำมาพิจารณาใช้ได้เช่นกัน โดยทั่วไปอัตราส่วน 2.618 จะถูกใช้เป็นเป้าหมายที่สามสำหรับการเทรด ส่วนอัตราส่วน 4.236 จะถูกสงวนไว้สำหรับการเคลื่อนตัวของตลาดที่ขยายออกไปมาก ซึ่งต้องหาจุดหยุดการเคลื่อนตัวที่อาจเกิดขึ้น
เมื่อใดที่ควรเปิดการเทรดโดยอิงตาม Fibonacci Retracements:
เมื่อใดควรปิดการเทรดตาม Fibonacci Extensions:
Fibonacci retracement เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการเทรด:
ลองนึกภาพว่า คุณกำลังวิเคราะห์การเคลื่อนตัวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์และสังเกตเห็นแนวโน้มขาขึ้นอย่างชัดเจน สำหรับการคาดการณ์ระดับแนวรับที่เป็นไปได้ในระหว่างที่ราคาปรับฐาน คุณจะใช้ retracements
นี่คือวิธีการทำงาน:
กำหนดจุดแกว่งที่สำคัญ: เริ่มต้นด้วยการหาจุดสูงและจุดต่ำสุดที่สำคัญ ตัวอย่างเช่น หากราคาสินค้าโภคภัณฑ์เพิ่มขึ้นจาก $40 เป็น $70 ให้ถือว่า $70 เป็นจุดสูงสุด หากราคาในปัจจุบันอยู่ที่ $70 และคุณกำลังใช้ระดับ Fibonacci เพื่อคาดการณ์ระดับแนวรับที่อาจเกิดขึ้น คุณสามารถใช้เครื่องมือ Fibonacci retracement จากจุดต่ำสุดที่ $40 ไปจนถึงจุดสูงสุดที่ $70 ระดับ $55 จะเป็นหนึ่งในระดับแนวรับที่อาจเป็นไปได้ เนื่องจากอยู่ที่ระดับ 50% ของการเคลื่อนตัวระหว่างจุดต่ำสุดที่ $40 ไปยังจุดสูงสุดที่ $70
คำนวณระดับ Fibonacci: ต่อไป คำนวณระดับ Fibonacci retracement ระดับที่ใช้กันทั่วไป ได้แก่ 23.6%, 38.2%, 50%, 61.8% และ 78.6%
การใช้ระดับเหล่านี้กับช่วงราคาจากจุดแกว่งตัวสูงสุดที่ $70 ไปจนถึงจุดแกว่งตัวต่ำสุดที่ $55 จะทำให้คุณได้ระดับดังต่อไปนี้:
เมื่อใช้ Fibonacci retracement สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่า แต่ละระดับ retracement มีความสำคัญไม่เหมือนกัน แม้ว่าเครื่องมืออย่าง Fibonacci retracement จะให้โซนเป้าหมายได้ แต่คุณต้องเสริมการใช้เครื่องมือนี้ด้วยเทคนิคการวิเคราะห์อื่น ๆ เพื่อเป็นการยืนยัน นอกจากนี้ การพึ่งพาระดับ retracement มากเกินไปโดยไม่พิจารณาถึงบริบทของตลาดในวงกว้างอาจทำให้เกิดการตัดสินใจที่ไม่ดีและทำให้ขาดทุนได้
ในการปรับฐาน ระดับ Fibonacci retracement จะเป็นอินดิเคเตอร์ที่มีประโยชน์ แต่ประสิทธิภาพจะขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดและไทม์เฟรมที่กำลังวิเคราะห์ สิ่งสำคัญคือเราต้องเข้าใจว่าการปรับฐานอาจพัฒนาไปสู่การเคลื่อนตัวขนาดใหญ่ยิ่งขึ้น และระดับ retracement ควรถูกนำมาใช้ในส่วนนี้ นอกจากนี้ แม้ว่าระดับ Fibonacci extension สามารถนำมาใช้เป็นราคาเป้าหมายที่เป็นไปได้ แต่เราก็ควรใช้เครื่องมือนี้ด้วยความระมัดระวัง และเครื่องมือวิเคราะห์อื่น ๆ เช่น รูปแบบกราฟและเส้นแนวโน้ม อาจให้ราคาเป้าหมายที่น่าเชื่อถือมากกว่า
ข้อผิดพลาดทั่วไปและวิธีหลีกเลี่ยง
เคล็ดลับในการใช้ Fibonacci retracements:
ภาพรวมของ Fibonacci ในกลยุทธ์การเทรด
สำหรับการใช้ตัวเลข Fibonacci ในการเทรดให้ประสบผลสำเร็จ เราจะต้องเข้าใจและใช้แนวคิดเชิงกลยุทธ์หลายอย่าง:
1. การหาตลาดที่กำลังเกิดแนวโน้ม: Fibonacci retracement ทำงานได้ดีที่สุดในตลาดที่กำลังเกิดแนวโน้ม ขั้นตอนแรกคือการหาจุดที่ราคาเคลื่อนไหวอย่างแข็งแกร่ง หรือที่เรียกว่าคลื่น impulse wave เพื่อที่จะสามารถใช้ระดับ retracement ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2.วาดระดับ Retracement: เมื่อเห็นแนวโน้มที่ชัดเจนแล้ว คุณสามารถวาดระดับ retracement ได้ด้วยการกำหนดจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของคลื่น impulse ระดับเหล่านี้เป็นจุดที่ราคาอาจหยุดชั่วคราวหรือกลับตัวได้
3.การใช้ Fibonacci กับการกำหนดจุดเข้าและออก: เครื่องมือนี้สามารถใช้ปรับแต่งจุดเข้าและออกได้ ตัวอย่างเช่น ในแนวโน้มขาขึ้น คุณอาจมองหาโอกาสในการซื้อแถว ๆ ระดับแนวรับ Fibonacci เทมเพลตเนื้อหา SEO
4. ใช้ร่วมกับอินดิเคเตอร์ตัวอื่น ๆ: หากต้องการได้กลยุทธ์การเทรดที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ให้ลองปรับใช้ระดับ Fibonacci กับอินดิเคเตอร์ทางเทคนิคอื่น ๆ เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่, MACD หรือ RSI แนวทางที่ใช้หลายเครื่องมือนี้สามารถช่วยยืนยันแนวโน้มและการกลับตัวตามสัญญาณของระดับ Fibonacci ได้
5. การใช้ Fibonacci Projection ในการกำหนดเป้าหมายกำไร: นอกเหนือจาก retracements แล้ว ระดับ projections ยังสามารถนำมาใช้เพื่อกำหนดเป้าหมายกำไรในช่วงการเกิดการเบรกเอาท์ได้ หลังจากที่เกิดการกลับตัวชั่วคราว ราคามักจะเคลื่อนตัวไปสู่ระดับ projections ที่สูงขึ้น เช่น 161.8% ซึ่งเทรดเดอร์อาจสามารถใช้เป็นเป้าหมายในการล็อคผลกำไรได้
6. การบริหารความเสี่ยง: การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญเมื่อทำการเทรดด้วยระดับ Fibonacci เหมือนกับกลยุทธ์การเทรดอื่น ๆ ตั้งคำสั่ง stop-loss เกินกว่าระดับ Fibonacci สำคัญ เพื่อปกป้องเงินทุนของคุณหากตลาดเคลื่อนตัวไปในทิศทางตรงข้ามกับโพซชั่นของคุณ
ใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์ม MT4 และ MT5 ของเราที่มี Fibonacci retracement พร้อมกับอินดิเคเตอร์และเครื่องมืออื่น ๆ ซึ่งจะช่วยยกระดับการคาดการณ์ราคาและพฤติกรรมของตลาด ทฤษฎี Fibonacci ยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญในการวิเคราะห์การตลาดที่จะให้ข้อมูลเชิงลึกบนแนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้น ด้วยการประยุกต์ใช้วิธีการแบบดั้งเดิมเข้ากับเทคโนโลยีขั้นสูง เทรดเดอร์จะสามารถคาดการณ์ได้อย่างมั่นใจ เราได้ทราบถึงความสำคัญของทฤษฎีที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนานนี้ในฐานะหลักการที่ใช้เป็นแนวทางสำหรับเทรดเดอร์ผู้มากประสบการณ์และผู้ที่พึ่งเริ่มต้นใหม่ ซึ่งจะช่วยในการตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด