หมายเหตุสำคัญ!
เราใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดบนเว็บไซต์ของเรา
ด้วยการคลิกที่ ‘ตกลง’ คุณได้ยอมรับการใช้คุกกี้ของเราตามที่อธิบายไว้ใน นโยบายคุกกี้
ตลาดสกุลเงินดิจิทัลในช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2025 กำลังเผชิญกับจุดเปลี่ยนที่สำคัญ โดยแสดงความผันผวนสูงภายใต้แรงกดดันจากหลากหลายปัจจัย ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงของการไหลเข้า-ออกในกองทุน Exchange-Traded Fund (ETF) ไปจนถึงนโยบายการเงินของธนาคารกลางสำคัญทั่วโลก ในช่วงวันที่ 2-7 มิถุนายน Bitcoin ซึ่งยังคงเป็นตัวนำของตลาด ได้รักษาระดับราคาเหนือจุดสำคัญที่ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ความผันผวนภายในกรอบ 101,095 ถึง 105,910 ดอลลาร์สะท้อนถึงความไม่แน่นอนของผู้เข้าร่วมตลาดในหลากหลายกลุ่ม
สภาพตลาดในปัจจุบันมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากช่วงก่อนหน้า คือการที่นักลงทุนสถาบันแสดงพฤติกรรมที่ไม่สอดคล้องกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไหลออกครั้งใหญ่ของ Bitcoin ETF ในวันที่ 2 มิถุนายนที่มีมูลค่าสูงถึง 267.5 ล้านดอลลาร์ ก่อนที่จะกลับมามีการไหลเข้าอีกครั้งจาก BlackRock ในวันที่ 4 มิถุนายนเป็นจำนวน 283.96 ล้านดอลลาร์ การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของกระแสเงินสถาบันนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความเปราะบางของความเชื่อมั่น แต่ยังเป็นตัวบ่งชี้ถึงการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนของผู้เล่นรายใหญ่ในตลาด
มูลค่าตลาดรวมของสกุลเงินดิจิทัลในช่วงนี้เคลื่อนไหวระหว่าง 3.17 ถึง 3.44 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่ดัชนี Fear and Greed ปรับตัวลดลงจากระดับความโลภสูงสุดที่ 76 มายังเขตกลางที่ 55-57 การเปลี่ยนแปลงของความรู้สึกของตลาดนี้เกิดขึ้นพร้อมกับการปรับตัวลงอย่างกว้างขวางของตลาด Altcoin โดย Dogecoin และ Solana ประสบการลดลงถึง 20.87% และ 13.71% ตามลำดับ ในขณะที่ดัชนี Altcoin Season ชี้ให้เห็นว่าตลาดกำลังอยู่ในช่วง Bitcoin Season ที่มีค่าเพียง 21 จาก 100
ปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนตลาดคริปโตในช่วงนี้มาจากความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงอย่างแน่นแฟ้นกับตลาดการเงินสากล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเคลื่อนไหวของดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ที่อยู่ในระดับ 99.20 และการตัดสินใจของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่ลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 จุดฐานเป็น 2.00% ในวันที่ 5 มิถุนายน การดำเนินการของ ECB ส่งผลให้ EUR/USD พุ่งขึ้นสู่ระดับ 1.1495 และสร้างแรงกดดันต่อความแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งโดยทั่วไปจะส่งผลเชิงบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงอย่างคริปโตเคอเรนซี
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็แสดงความเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน โดย S&P 500 ปรับตัวขึ้น 0.89% และ Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 0.45% แม้จะมีความกังวลเรื่องอัตราดอกเบี้ยระยะยาว แต่การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นเทคโนโลยียังคงส่งสัญญาณเชิงบวกต่อสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรม ในขณะเดียวกัน สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำและเงินก็แสดงการเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ โดยทองคำปรับตัวขึ้น 0.27% และเงินพุ่งขึ้น 5.33% สะท้อนถึงความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองที่ยังคงอยู่
สำหรับนักลงทุนที่ FXGT การเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างตลาดเหล่านี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการตัดสินใจเทรด เนื่องจากตลาดคริปโตในปัจจุบันไม่ได้เคลื่อนไหวแยกจากระบบการเงินสากลอีกต่อไป แต่กลับมีความเชื่อมโยงที่ซับซ้อนกับนโยบายการเงิน อัตราแลกเปลี่ยน และความรู้สึกของนักลงทุนในตลาดแบบดั้งเดิม ดังนั้น การวิเคราะห์ที่ครอบคลุมจึงต้องพิจารณาปัจจัยเหล่านี้ควบคู่กันเพื่อให้ได้ภาพรวมที่สมบูรณ์และแม่นยำสำหรับการวางแผนการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ
การเคลื่อนไหวของ Bitcoin ในช่วงต้นเดือนมิถุนายนสะท้อนถึงความขัดแย้งในทัศนคติของนักลงทุนสถาบันอย่างชัดเจน ราคา Bitcoin ที่เคลื่อนไหวภายในกรอบ 101,095 ถึง 105,910 ดอลลาร์แสดงให้เห็นถึงการต่อสู้ระหว่างแรงซื้อและแรงขายที่ระดับสำคัญเหนือ 100,000 ดอลลาร์ การรักษาระดับราคาเหนือจุดสำคัญทางจิตวิทยานี้มีความหมายสำคัญต่อความเชื่อมั่นของตลาดในระยะยาว แม้ว่าจะเผชิญกับแรงกดดันจากการขายทำกำไรของนักลงทุนระยะสั้น
ข้อมูลการไหลของ Bitcoin ETF เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุดในการประเมินความเชื่อมั่นของสถาบัน การไหลออกครั้งใหญ่ในวันที่ 2 มิถุนายนเป็นจำนวน 267.5 ล้านดอลลาร์นำโดย IBIT ที่ไหลออก 130.4 ล้านดอลลาร์ และ ARKB ที่ไหลออก 73.9 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นสัญญาณการปรับพอร์ตโฟลิโอของนักลงทุนสถาบันในช่วงที่ตลาดมีความไม่แน่นอนสูง อย่างไรก็ตาม การกลับตัวอย่างรวดเร็วของกระแสเงินในวันที่ 3-4 มิถุนายนด้วยการไหลเข้าจาก BlackRock เป็นจำนวน 283.96 ล้านดอลลาร์แสดงให้เห็นถึงการใช้โอกาสซื้อในราคาที่ถูกลงของนักลงทุนมืออาชีพ
ข้อมูลออนเชนที่สนับสนุนแนวโน้มเชิงบวกรวมถึงการเพิ่มขึ้น 15% ของ daily active addresses เป็น 850,000 และการเพิ่มขึ้น 10% ของ Bitcoin wallet ที่ถือครองมากกว่า 1 BTC ตามข้อมูลจาก Glassnode ในวันที่ 7 มิถุนายน การเคลื่อนไหวเหล่านี้บ่งชี้ถึงการเพิ่มขึ้นของกิจกรรมเครือข่ายและการสะสมจากนักลงทุนรายย่อย ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเชิงบวกสำหรับแนวโน้มราคาในระยะกลาง การที่ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 15% เป็น 2.1 พันล้านดอลลาร์ภายหลังการประกาศของ Fidelity ETF ยังสะท้อนถึงความไวของตลาดต่อข่าวสารจากสถาบันการเงินขนาดใหญ่
สำหรับเทรดเดอร์ที่ FXGT การติดตามข้อมูล ETF flows เป็นประจำจะช่วยในการประเมินความเชื่อมั่นของตลาดในระยะสั้น โดยการไหลเข้าอย่างต่อเนื่องมักส่งผลเชิงบวกต่อราคา ขณะที่การไหลออกครั้งใหญ่อาจเป็นสัญญาณเตือนสำหรับการปรับตัวลงในระยะสั้น
Ethereum แสดงความแข็งแกร่งที่โดดเด่นในช่วงนี้ด้วยการปรับตัวขึ้น 45.2% ในระยะหนึ่งเดือน ซึ่งเหนือกว่า Bitcoin อย่างชัดเจน การเคลื่อนไหวนี้ได้รับแรงหนุนจากการไหลเข้าของ Ethereum ETF อย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 13 วันติดต่อกัน โดยมีการไหลเข้า 56.98 ล้านดอลลาร์ในวันที่ 4 มิถุนายน นำโดย BlackRock ด้วยจำนวน 73.18 ล้านดอลลาร์ ความสนใจของสถาบันต่อ Ethereum สะท้อนถึงการมองเห็นศักยภาพของระบบนิเวศ DeFi และ smart contract ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
การปรับโครงสร้างของมูลนิธิ Ethereum ในวันที่ 3 มิถุนายนด้วยการยุบเลิกทีมวิจัยและพัฒนาบางส่วนและเปลี่ยนชื่อแผนก Protocol Research and Development เป็น Protocol แสดงถึงการมุ่งเน้นความมีประสิทธิภาพและการโฟกัสที่ชัดเจนขึ้น แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้อาจสร้างความกังวลเบื้องต้น แต่มักจะส่งผลเชิงบวกต่อการพัฒนาโปรโตคอลในระยะยาว การเพิ่มขึ้น 10% ของ Ethereum gas fees เป็นเฉลี่ย 25 Gwei ยังบ่งชี้ถึงความต้องการใช้งานเครือข่ายที่เพิ่มขึ้น
ตลาด Altcoin โดยรวมประสบการปรับตัวลงอย่างรุนแรง โดย Dogecoin ลดลง 20.87%, Shiba Inu ลดลง 13.91%, และ Solana ลดลง 13.71% การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนโฟกัสไปสู่สินทรัพย์ที่มีพื้นฐานแข็งแรงกว่า โดยดัชนี Altcoin Season ที่อยู่ที่ระดับ 21 จาก 100 บ่งชี้ชัดเจนว่าตลาดกำลังอยู่ในช่วง Bitcoin Season ที่ Bitcoin มีประสิทธิภาพเหนือกว่า altcoin ส่วนใหญ่
อย่างไรก็ตาม ยังมีจุดสีเขียวบางจุดในตลาด altcoin โดย Tron ปรับตัวขึ้น 1.7% และ HYPE เพิ่มขึ้น 4.42% การเคลื่อนไหวนี้แสดงให้เห็นว่าตลาดเริ่มมีการคัดแยกระหว่างโปรเจกต์ที่มีพื้นฐานแข็งแรงกับสกุลเงินที่เป็นเพียงการเก็งกำไรระยะสั้น เหตุการณ์ที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งคือการที่ Binance ประกาศการเข้าถึงผู้ใช้ 250 ล้านคน ส่งผลให้ Binance Coin เพิ่มขึ้น 4.2% เป็น 646.55 ดอลลาร์ภายในหนึ่งชั่วโมง พร้อมกับปริมาณการซื้อขาย BNB/USDT ที่เพิ่มขึ้น 18%
สำหรับเทรดเดอร์ สถานการณ์ปัจจุบันของตลาด altcoin ให้โอกาสในการหาเหรียญที่มีศักยภาพ โดยการมุ่งเน้นโปรเจกต์ที่มีพื้นฐานแข็งแรงและมีการพัฒนาจริง ขณะเดียวกันควรระวังความเสี่ยงจากการปรับตัวลงต่อเนื่องของสกุลเงินที่ไม่มีสาระสำคัญ
ความสัมพันธ์ระหว่างตลาดคริปโตกับตลาดการเงินสากลในช่วงนี้แสดงให้เห็นถึงการเชื่อมโยงที่แน่นแฟ้นมากขึ้น โดยเฉพาะกับการเคลื่อนไหวของดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ที่อยู่ในระดับ 99.20 การอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐในช่วงนี้เป็นปัจจัยหนุนสำคัญต่อสินทรัพย์เสี่ยงรวมถึงคริปโตเคอเรนซี ความสัมพันธ์แบบ inverse correlation ระหว่าง DXY และ Bitcoin ที่มีค่าประมาณ -0.75 ยังคงมีความชัดเจนและสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ทิศทางของตลาด
การตัดสินใจของ ECB ในการลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 จุดฐานเป็น 2.00% ในวันที่ 5 มิถุนายนส่งผลกระทบที่สำคัญต่อตลาดการเงินโลก EUR/USD พุ่งขึ้นสู่ระดับ 1.1495 ขณะที่ GBP/USD แตะ 1.3616 การอ่อนค่าของดอลลาร์เทียบกับสกุลเงินหลักช่วยเพิ่มสภาพคล่องในตลาดโลกและส่งผลเชิงบวกต่อความเสี่ยงในการลงทุน สถานการณ์นี้สอดคล้องกับการที่ Federal Reserve อยู่ในช่วง blackout period ก่อนการประชุมวันที่ 11 มิถุนายน ซึ่ง CME FedWatch แสดงโอกาส 98% ที่ Fed จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 4.25-4.5%
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ แสดงความแข็งแกร่งด้วยการที่ S&P 500 ปรับตัวขึ้น 0.89% ปิดที่ 5,992.11 และ Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 0.45% อยู่ที่ 19,460.49 การเคลื่อนไหวเชิงบวกของตลาดหุ้น โดยเฉพาะในหมวดเทคโนโลยี ส่งสัญญาณที่ดีต่อความเชื่อมั่นในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรม การที่หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ยังคงได้รับความสนใจสะท้อนถึงการไหลของเงินทุนไปสู่สินทรัพย์ที่มีการเติบโตสูง ซึ่งรวมถึงคริปโตเคอเรนซีด้วย
สินทรัพย์ปลอดภัยแสดงการเคลื่อนไหวที่หลากหลาย ทองคำปรับตัวขึ้น 0.27% ปิดที่ 3,362.1 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่เงินพุ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 5.33% ถึง 34.73 ดอลลาร์ต่อออนซ์ การเคลื่อนไหวของเงินที่แรงกว่าทองคำสะท้อนถึงการใช้งานทั้งในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยและวัตถุดิบอุตสาหกรรม ตลาดน้ำมันก็แสดงความแข็งแกร่งเช่นกัน โดย WTI และ Brent ปรับตัวขึ้น 1.91% และ 1.73% ตามลำดับ จากปัจจัยเกี่ยวกับแผนการผลิตของ OPEC+ และไฟป่าในแคนาดา
อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น 0.69% อยู่ที่ 4.40% หลังการประกาศของ ECB การเพิ่มขึ้นของ yield นี้สะท้อนถึงความคาดหวังเรื่องการเติบโตทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในระยะยาว แต่ยังคงอยู่ในระดับที่ไม่สร้างแรงกดดันมากเกินไปต่อสินทรัพย์เสี่ยง
สำหรับเทรดเดอร์ การติดตามความสัมพันธ์เหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของ DXY, ตลาดพันธบัตร และการตัดสินใจของธนาคารกลาง ซึ่งมักจะส่งผลต่อทิศทางของคริปโตเคอเรนซีในระยะสั้นถึงกลาง
การวิเคราะห์ทางเทคนิคของ Bitcoin ในช่วงนี้แสดงสัญญาณที่หลากหลาย โดย Bitcoin ได้ทดสอบ Bollinger Band ล่างที่ระดับ 101,934 ดอลลาร์หลังจากไม่สามารถรักษาเส้นกลางที่ 106,581 ดอลลาร์ได้ การเคลื่อนไหวนี้บ่งชี้ถึงแรงกดดันขายที่เพิ่มขึ้นในระยะสั้น แต่การที่ราคายังคงอยู่เหนือแถบล่างแสดงให้เห็นถึงแรงซื้อที่สำคัญในระดับดังกล่าว
ตัวชี้วัด MACD แสดงสัญญาณ bearish crossover ที่แข็งแกร่งด้วยเส้น MACD ที่ -1009.32 ซึ่งต่ำกว่าเส้น signal อย่างชัดเจน สัญญาณนี้บ่งชี้ถึงการสูญเสีย momentum ในระยะสั้นและอาจมีการปรับตัวลงต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ RSI ให้มุมมองที่ซับซ้อนกว่า โดย RSI ระยะสั้น (6) อยู่ที่ระดับ 25.23 ซึ่งเป็นเขต oversold อย่างชัดเจน ขณะที่ RSI ระยะกลางและยาวยังคงแสดงแนวโน้มลง
ข้อมูลที่น่าสนใจมาจากการวิเคราะห์ในวันที่ 7 มิถุนายน ซึ่ง RSI ของ BTC/USD บนกราฟ 4 ชั่วโมงอยู่ที่ระดับ 62 ณ เวลา 14:00 EST การปรับตัวขึ้นของ RSI นี้บ่งชี้ว่ายังมีพื้นที่สำหรับการเพิ่มขึ้นก่อนจะเข้าเขต overbought ที่เหนือ 70 การเคลื่อนไหวนี้สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของปริมาณการซื้อขายหลังข่าว Fidelity ETF
คู่สกุลเงิน BTC/ETH แสดงการเพิ่มขึ้น 0.8% เป็น 20.5 ETH ต่อ BTC ซึ่งบ่งชี้ถึงความเด่นของ Bitcoin เหนือ altcoin ในช่วงระยะสั้น แต่การที่อัตราส่วนนี้ไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงแสดงให้เห็นว่า Ethereum ยังคงมีความแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับ altcoin อื่น
ปริมาณการซื้อขายเป็นปัจจัยสำคัญในการยืนยันการเคลื่อนไหวของราคา ในวันที่ 3 มิถุนายน ปริมาณการซื้อขาย Bitcoin ใน spot market ถึง 40 พันล้านดอลลาร์ ณ เที่ยงวัน UTC เพิ่มขึ้น 30% จากช่วง 24 ชั่วโมงก่อนหน้า ขณะที่ ETH มีปริมาณ 20 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 22% การเพิ่มขึ้นของปริมาณการซื้อขายนี้บ่งชี้ถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นและอาจเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงทิศทางในระยะสั้น
สำหรับการเทรดในระยะสั้น ระดับ support สำคัญของ Bitcoin อยู่ที่ 101,000-102,000 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นบริเวณที่มีการซื้อสะสมในอดีต ส่วนระดับ resistance อยู่ที่ 106,000-107,000 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นบริเวณที่เกิดแรงขายจากนักลงทุนที่ต้องการทำกำไร การที่ราคาสามารถทะลุขึ้นไปเหนือ 107,000 ดอลลาร์ได้จะเป็นสัญญาณเชิงบวกสำหรับการเคลื่อนไหวขึ้นต่อไปในระยะกลาง
การวิเคราะห์ตลาดคริปโตในช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2025 เผยให้เห็นภาพของตลาดที่กำลังอยู่ในช่วงการปรับตัวและหาจุดสมดุลใหม่ภายใต้แรงกดดันจากปัจจัยหลากหลายมิติ Bitcoin ที่ยังคงรักษาระดับราคาเหนือจุดสำคัญทางจิตวิทยาที่ 100,000 ดอลลาร์แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นของตลาดแม้จะเผชิญกับความไม่แน่นอนจากการไหลของเงินทุนสถาบัน การที่ Bitcoin สามารถรักษาระดับราคาในกรอบ 101,000 ถึง 106,000 ดอลลาร์ได้อย่างสม่ำเสมอ พร้อมกับการฟื้นตัวของปริมาณการซื้อขายและกิจกรรมออนเชน บ่งชี้ว่าแม้จะมีการขายทำกำไรจากนักลงทุนระยะสั้น แต่ฐานรากของการสนับสนุนจากนักลงทุนระยะยาวยังคงแข็งแกร่ง
Ethereum ที่แสดงความโดดเด่นด้วยผลตอบแทน 45.2% ในระยะหนึ่งเดือนสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของการรับรู้ของตลาดที่มีต่อมูลค่าของระบบนิเวศแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ การไหลเข้าอย่างต่อเนื่องของ Ethereum ETF เป็นเวลา 13 วันติดต่อกันแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของสถาบันในศักยภาพระยะยาวของเทคโนโลยี smart contract และ DeFi ขณะที่การปรับโครงสร้างองค์กรของมูลนิธิ Ethereum เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการพัฒนาเป็นสัญญาณเชิงบวกสำหรับการเติบโตในอนาคต
สถานการณ์ของตลาด Altcoin ที่ประสบการปรับตัวลงอย่างกว้างขวางเป็นสิ่งที่คาดการณ์ได้ในช่วง Bitcoin Season ดัชนี Altcoin Season ที่อยู่ที่ระดับ 21 จาก 100 บ่งชี้ชัดเจนว่านักลงทุนกำลังมุ่งเน้นไปที่สินทรัพย์หลักที่มีสภาพคล่องสูงและความเสี่ยงต่ำกว่า การเคลื่อนไหวนี้เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำในช่วงที่ตลาดมีความไม่แน่นอน โดยเงินทุนจะไหลจาก altcoin กลับไปสู่ Bitcoin และ Ethereum ซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ที่มีความน่าเชื่อถือมากกว่า
ความสัมพันธ์ระหว่างตลาดคริปโตกับตลาดการเงินสากลในช่วงนี้แสดงให้เห็นถึงการผสมผสานที่ซับซ้อนของปัจจัยเชิงบวกและเชิงลบ การลดอัตราดอกเบี้ยของ ECB และการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐเป็นปัจจัยหนุนสำคัญที่เพิ่มสภาพคล่องในระบบการเงินโลกและทำให้สินทรัพย์เสี่ยงน่าสนใจมากขึ้น ขณะเดียวกัน การที่ Federal Reserve คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงต่อไปสร้างแรงต้านที่ป้องกันไม่ให้ตลาดเสี่ยงปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรงเกินไป
สำหรับกลยุทธ์การเทรดในสภาวะตลาดปัจจุบัน เทรดเดอร์ควรพิจารณาการใช้กลยุทธ์ range trading สำหรับ Bitcoin โดยใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวภายในกรอบ 101,000 ถึง 106,000 ดอลลาร์ การซื้อใกล้ระดับ support และขายใกล้ระดับ resistance พร้อมกับการตั้ง stop loss ที่เข้มงวดจะช่วยลดความเสี่ยงในขณะที่สามารถสร้างผลกำไรจากความผันผวนได้ การติดตามข้อมูลการไหลของ ETF เป็นประจำจะช่วยในการประเมินความเชื่อมั่นของสถาบันและปรับกลยุทธ์ได้ทันท่วงที
การใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ระหว่าง DXY และคริปโตเคอเรนซีสามารถเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการ hedge ความเสี่ยง เมื่อ DXY แสดงสัญญาณการแข็งค่า เทรดเดอร์อาจพิจารณาลดสัดส่วนการถือครองคริปโตหรือใช้ตราสารอนุพันธ์เพื่อป้องกันความเสี่ยง ในทางกลับกัน เมื่อ DXY อ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง การเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอาจให้ผลตอบแทนที่ดี
สำหรับ Ethereum นักลงทุนสามารถใช้กลยุทธ์ momentum trading โดยใช้ประโยชน์จากแรงหนุนของการไหลเข้า ETF และการพัฒนาระบบนิเวศ DeFi การเข้าสู่ตำแหน่งซื้อในช่วงที่มีการไหลเข้า ETF อย่างต่อเนื่องและออกจากตำแหน่งเมื่อมีสัญญาณการชะลอตัวของการไหลเข้าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการลงทุน การติดตามข้อมูลการใช้งานเครือข่าย Ethereum รวมถึง gas fees และจำนวนธุรกรรมจะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความต้องการใช้งานจริง
การบริหารความเสี่ยงในช่วงนี้ต้องให้ความสำคัญกับการติดตามปฏิทินเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด การประชุม Federal Reserve ในวันที่ 11 มิถุนายนเป็นเหตุการณ์สำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อทิศทางของตลาดในระยะสั้น แม้ว่าตลาดคาดการณ์ว่า Fed จะคงอัตราดอกเบี้ย แต่คำแถลงและการให้สัญญาณเกี่ยวกับนโยบายในอนาคตอาจสร้างความผันผวนได้ การประกาศข้อมูลเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ และการตัดสินใจของ Bank of Japan ในวันที่ 16-17 มิถุนายนก็เป็นเหตุการณ์ที่ควรติดตาม
ข้อมูลการจ้างงาน ADP ที่แสดงการสร้างงานเพียง 37,000 ตำแหน่งซึ่งเป็นอัตราที่ช้าที่สุดในรอบสองปี เป็นสัญญาณที่ Fed อาจพิจารณาปรับนโยบายการเงินในอนาคต หากข้อมูลการจ้างงานอย่างเป็นทางการที่จะประกาศในภายหลังแสดงผลในทิศทางเดียวกัน อาจเป็นปัจจัยหนุนสำคัญสำหรับสินทรัพย์เสี่ยงในระยะกลาง
เทรดเดอร์ควรกำหนดระดับ stop loss ที่ชัดเจนสำหรับทุกตำแหน่ง โดยสำหรับ Bitcoin ระดับ 100,000 ดอลลาร์เป็นเส้นป้องกันสำคัญที่หากทะลุลงมาอย่างชัดเจนอาจนำไปสู่การปรับตัวลงต่อเนื่อง การใช้ position sizing ที่เหมาะสมและไม่ลงทุนเกินกว่าที่สามารถรับความเสี่ยงได้เป็นหลักการสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง การติดตามข้อมูลออนเชนอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการเคลื่อนไหวของ whale addresses การเปลี่ยนแปลงของ exchange reserves และกิจกรรมการทำธุรกรรมจะช่วยให้เทรดเดอร์เข้าใจแนวโน้มของตลาดได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น การผสมผสานการวิเคราะห์ทางเทคนิค การวิเคราะห์พื้นฐาน และการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างตลาดจะให้ภาพรวมที่สมบูรณ์สำหรับการตัดสินใจการลงทุนที่มีประสิทธิภาพและสามารถปรับตัวได้ตามสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง