หมายเหตุสำคัญ!
เราใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดบนเว็บไซต์ของเรา
ด้วยการคลิกที่ ‘ตกลง’ คุณได้ยอมรับการใช้คุกกี้ของเราตามที่อธิบายไว้ใน นโยบายคุกกี้
ตลาดคู่เงิน USD/CNH กำลังเผชิญกับจุดเปลี่ยนสำคัญในสัปดาห์นี้ (7-11 เมษายน 2025) ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้น ราคาเปิดต้นสัปดาห์ที่ 7.29468 และเคลื่อนไหวในกรอบแคบ 7.2800-7.3000 โดยมีการทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 7.3000 หลายครั้ง ซึ่งหากทะลุผ่านระดับนี้ไปได้ อาจนำไปสู่การเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วไปทดสอบระดับที่สูงขึ้น
ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนกลับมาเป็นประเด็นร้อนอีกครั้ง เมื่อประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขู่ว่าจะบังคับใช้มาตรการภาษีนำเข้าสินค้าจีนเพิ่มเติม 40% ซึ่งจีนตอบโต้ด้วยการขู่ว่าจะลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และจำกัดการส่งออกแร่หายาก สถานการณ์นี้ทำให้ตลาดหุ้นและสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อิงกับหุ้นจีนเผชิญแรงขายอย่างหนัก ส่งผลให้ USD/CNH มีความผันผวนเพิ่มขึ้น
ในแง่เทคนิค กราฟรายวันแสดงรูปแบบสามเหลี่ยมบีบตัว (Contracting Triangle) ที่ก่อตัวมาตั้งแต่ปลายปี 2024 โดยมีจุดต่ำสุดที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง บ่งชี้ถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่ง เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วันที่ระดับ 7.2850 กำลังทำหน้าที่เป็นแนวรับสำคัญ ขณะที่นักลงทุนจับตาการทดสอบแนวต้านที่ 7.3000 และ 7.3704 (จุดสูงสุดปี 2022)
ช่วงปลายสัปดาห์นี้และต้นสัปดาห์หน้ามีข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ รายงานการประชุม FOMC และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ เดือนมีนาคม (10 เมษายน), ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) สหรัฐฯ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน (11 เมษายน), การประกาศ GDP ไตรมาสแรกของจีน (12 เมษายน) และการประกาศนโยบายภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ (15 เมษายน) ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะมีผลอย่างมีนัยสำคัญต่อทิศทางของ USD/CNH ในระยะสั้นถึงระยะกลาง
นักวิเคราะห์จาก UBS คาดการณ์ว่า USD/CNH จะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับประมาณ 7.4 หยวนต่อดอลลาร์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 แต่อาจเพิ่มขึ้นเป็น 7.6 หยวนต่อดอลลาร์หากมีการใช้มาตรการภาษีสูง ทั้งนี้ นักลงทุนควรเตรียมรับมือกับความผันผวนที่อาจเพิ่มขึ้นจากการเผชิญหน้าทางการค้าและการเปลี่ยนแปลงของนโยบายการเงินทั้งในสหรัฐฯ และจีน
จากภาพรวมที่กล่าวมา บทวิเคราะห์นี้จะนำเสนอมุมมองเชิงลึกเกี่ยวกับปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อ USD/CNH พร้อมทั้งแนวรับ-แนวต้านที่สำคัญและกลยุทธ์การเทรดที่เหมาะสมกับสภาวะตลาดปัจจุบัน
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาและที่จะมาถึง มีเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจสำคัญที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเคลื่อนไหวของคู่เงิน USD/CNH ผู้เทรดควรให้ความสำคัญและติดตามอย่างใกล้ชิด:
วันจันทร์ที่ 7 เมษายน 2025
วันอังคารที่ 8 เมษายน 2025
วันพุธที่ 9 เมษายน 2025
วันพฤหัสบดีที่ 10 เมษายน 2025
วันศุกร์ที่ 11 เมษายน 2025
วันเสาร์ที่ 12 เมษายน 2025
วันจันทร์ที่ 15 เมษายน 2025
เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจเหล่านี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเคลื่อนไหวของ USD/CNH ในช่วงสัปดาห์นี้และต้นสัปดาห์หน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่จะส่งผลต่อนโยบายการเงินของ Fed ผู้เทรดควรวางแผนกลยุทธ์การเทรดโดยคำนึงถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์เหล่านี้ และเตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวนที่อาจเพิ่มสูงขึ้น
กราฟรายวันของ USD/CNH แสดงให้เห็นภาพแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจนตั้งแต่ช่วงปลายปี 2024 โดยมีรูปแบบสามเหลี่ยมบีบตัว (Contracting Triangle) ที่กำลังก่อตัว สังเกตได้จากจุดต่ำสุดที่สูงขึ้นเรื่อยๆ (Higher Lows) ในระยะเวลาที่ผ่านมา ราคาเคลื่อนตัวอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้นและระยะกลาง (SMA 50 และ SMA 100) ซึ่งเป็นสัญญาณของแรงซื้อที่แข็งแกร่ง
ดัชนี RSI บนกราฟรายวันอยู่ที่ระดับ 58.70 ซึ่งยังไม่เข้าสู่เขต Overbought (เกิน 70) แสดงให้เห็นว่ายังมีพื้นที่สำหรับการปรับตัวขึ้นต่อไปได้ MACD แสดงสัญญาณ Bullish Crossover โดยเส้น MACD ตัดเส้น Signal จากล่างขึ้นบน และ Histogram กำลังขยายตัวในแดนบวก บ่งชี้ถึงแรงซื้อที่เพิ่มขึ้น
จุดสำคัญที่ต้องจับตาคือการพยายามทะลุแนวต้านแข็งที่ 7.3000 ซึ่งเป็นระดับจิตวิทยาสำคัญและเป็นระดับที่ราคาพยายามทะลุหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา หากราคาสามารถปิดเหนือระดับนี้ได้อย่างมั่นคง จะเป็นสัญญาณ breakout ที่แข็งแกร่งนำไปสู่การปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 7.3704 (จุดสูงสุดปี 2022)
ในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง ราคา USD/CNH กำลังเคลื่อนตัวในรูปแบบ Ascending Channel โดยมีการทดสอบแนวต้านบนของ Channel หลายครั้ง เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้น (SMA 20) กำลังตัดเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะกลาง (SMA 50) จากล่างขึ้นบน ซึ่งเป็นสัญญาณ Golden Cross ที่บ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้นถึงระยะกลาง
ตัวชี้วัด Stochastic แสดงค่า %K ที่ 82.45 และ %D ที่ 75.20 ซึ่งเข้าสู่เขต Overbought แล้ว แต่ยังไม่มีสัญญาณ Bearish Crossover บ่งชี้ว่าแม้ราคาอาจมีการพักตัวชั่วคราว แต่แนวโน้มขาขึ้นยังคงแข็งแกร่ง
สิ่งที่น่าสนใจคือการเกิด Fractal Up ที่ระดับ 7.2950 ซึ่งเป็นแนวต้านระยะสั้นที่ราคาต้องทะลุก่อนที่จะไปทดสอบแนวต้านหลักที่ 7.3000 หากราคาสามารถทะลุระดับนี้ได้ จะเป็นสัญญาณยืนยันการเคลื่อนไหวขึ้นต่อไป
กราฟรายชั่วโมงแสดงให้เห็นการเคลื่อนไหวในระยะสั้นที่มีความผันผวนสูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ราคาเคลื่อนตัวในรูปแบบ Ascending Triangle โดยมีการทดสอบแนวต้านที่ 7.2980-7.3000 หลายครั้ง ในขณะที่แนวรับเคลื่อนตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ
RSI บนกราฟรายชั่วโมงอยู่ที่ระดับ 62.40 ซึ่งเริ่มเข้าใกล้เขต Overbought แต่ยังไม่ถึง อย่างไรก็ตาม การเกิด RSI Divergence (ราคาทำจุดสูงสุดใหม่ แต่ RSI ไม่ได้ทำจุดสูงสุดใหม่) เป็นสัญญาณเตือนว่าอาจมีการพักตัวในระยะสั้น
MACD แสดงสัญญาณบวกเล็กน้อย โดย Histogram ขยายตัวในแดนบวก แต่การขยายตัวไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก บ่งชี้ว่าแรงซื้อในระยะสั้นอาจเริ่มอ่อนตัวลง
ในกรอบเวลาที่เล็กลงมา เราเห็นรูปแบบ Bullish Flag ที่กำลังก่อตัวในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ซึ่งมักเป็นรูปแบบการพักตัวชั่วคราวก่อนที่ราคาจะปรับตัวขึ้นต่อ แนวรับสำคัญในกรอบเวลานี้อยู่ที่ 7.2850 (SMA 50 บนกราฟ H1) และแนวรับของ Flag ที่ 7.2880
Stochastic Oscillator บนกราฟ M30 และ M15 เริ่มแสดงสัญญาณ Oversold ในบางช่วงเวลา ซึ่งอาจนำไปสู่การฟื้นตัวระยะสั้นของราคา โดยเฉพาะหากราคายังคงอยู่เหนือแนวรับที่กล่าวมา
จากการวิเคราะห์ทุกกรอบเวลา เราพบว่าแนวโน้มหลัก (Primary Trend) ของ USD/CNH ยังคงเป็นขาขึ้น โดยเฉพาะในกราฟ D1 และ H4 แม้ว่าในกรอบเวลาที่เล็กลง อาจมีการพักตัวหรือปรับฐานบ้าง แต่ตราบใดที่ราคายังคงอยู่เหนือแนวรับสำคัญที่ 7.2850-7.2880 แนวโน้มขาขึ้นยังคงได้รับการยืนยัน
จุดสำคัญที่ต้องติดตามคือการทดสอบแนวต้านที่ 7.3000 ซึ่งหากทะลุได้ ราคาอาจปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วไปทดสอบระดับ 7.3200-7.3300 ในระยะสั้น และ 7.3704 ในระยะกลาง อย่างไรก็ตาม หากราคาไม่สามารถทะลุแนวต้านนี้ได้ และย่อตัวลงหลุดแนวรับสำคัญที่ 7.2850 อาจนำไปสู่การปรับฐานลึกขึ้นไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 7.2600-7.2650
รูปแบบเทคนิคและตัวชี้วัดทางเทคนิคส่วนใหญ่บ่งชี้ว่า USD/CNH มีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นต่อในช่วงสัปดาห์นี้และสัปดาห์หน้า โดยเฉพาะหากปัจจัยพื้นฐานเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนยังคงทวีความรุนแรงขึ้น
ระดับ 7.42 เป็นแนวต้านสำคัญที่ราคากำลังทดสอบในปัจจุบัน โดยเป็นระดับจิตวิทยาที่มีความสำคัญและเป็นจุดที่ราคาเคยมีปฏิกิริยาในอดีต การที่ราคาขึ้นมาทดสอบระดับนี้แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงพลวัตตลาดอย่างรวดเร็วอันเนื่องมาจากความตึงเครียดทางการค้าที่ทวีความรุนแรง
ในการวิเคราะห์เชิงเทคนิค ระดับ 7.42 ยังเป็นการขยายตัว Fibonacci 127.2% จากการปรับตัวลงครั้งล่าสุด ทำให้เป็นจุดที่อาจมีแรงขายทำกำไรจากนักลงทุนระยะสั้น หากราคาไม่สามารถปิดเหนือระดับนี้ได้ อาจเกิดการพักฐานระยะสั้นลงมาทดสอบแนวรับที่ 7.3704 ซึ่งเป็นแนวต้านเดิมที่ผันตัวเป็นแนวรับ
หากราคาสามารถทะลุแนวต้าน 7.42 ไปได้ เป้าหมายถัดไปจะอยู่ที่กรอบ 7.4500-7.4550 ซึ่งเป็นระดับจิตวิทยาสำคัญและสอดคล้องกับการขยายตัว Fibonacci 161.8% จากการปรับตัวลงครั้งล่าสุด
จากกราฟรายวัน ระดับนี้ยังเป็นแนวต้านแข็งในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจจีนปี 2022-2023 ที่ราคามีการพักตัวก่อนปรับตัวลง การทะลุระดับนี้จะเป็นสัญญาณสำคัญที่บ่งชี้ถึงแรงซื้อที่หนาแน่นและแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง
ระดับ 7.5000 เป็นแนวต้านจิตวิทยาที่สำคัญมาก (Psychological Big Round Number) ที่ตลาดจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษ หากราคา USD/CNH ทะลุระดับนี้ไปได้ จะสะท้อนถึงความกังวลอย่างหนักเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน และอาจนำไปสู่การแทรกแซงอย่างแข็งขันจากธนาคารกลางจีน (PBoC)
ดัชนี RSI บนกราฟรายวันที่ระดับปัจจุบันเข้าใกล้เขต Overbought (มากกว่า 70) แล้ว หากราคาทะลุ 7.45 และมุ่งหน้าสู่ 7.5000 อาจเกิด RSI Divergence ที่บ่งชี้ถึงการอ่อนตัวของโมเมนตัมขาขึ้น นักลงทุนควรระวังสัญญาณพลิกตัวที่อาจเกิดขึ้นเมื่อราคาเข้าใกล้ระดับนี้
นักวิเคราะห์จาก UBS และสถาบันการเงินอื่นๆ ได้คาดการณ์ว่าหากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนทวีความรุนแรงขึ้น USD/CNH อาจปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 7.6000 ภายในสิ้นปี 2025 ซึ่งจะเป็นระดับสูงสุดในรอบหลายปี
กรอบ 7.5500-7.6000 นี้จะเป็นพื้นที่ที่คาดว่าจะมีการแทรกแซงอย่างหนักจาก PBoC เพื่อปกป้องค่าเงินหยวนไม่ให้อ่อนค่าเกินไป การทะลุกรอบนี้จะเป็นสัญญาณของภาวะวิกฤตในความสัมพันธ์ทางการค้าและการเงินระหว่างประเทศ
สำหรับเทรดเดอร์ที่กำลังพิจารณาเข้าซื้อ USD/CNH ควรระมัดระวังเมื่อราคาอยู่บริเวณแนวต้านปัจจุบันที่ 7.42 เนื่องจากเป็นจุดที่มีความเสี่ยงสูง การรอให้ราคายืนยันการทะลุแนวต้านด้วยการปิดเหนือระดับนี้อย่างน้อย 1-2 วันจะเป็นกลยุทธ์ที่ปลอดภัยกว่า
สำหรับเทรดเดอร์ที่ถือสถานะซื้ออยู่แล้ว การพิจารณาทยอยทำกำไรบางส่วนที่ระดับ 7.42, 7.45 และ 7.50 จะเป็นกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม โดยวาง Stop Loss ไว้ใต้แนวรับสำคัญที่ 7.37 เพื่อป้องกันความเสียหายหากเกิดการพลิกตัวลงอย่างรุนแรง
การติดตามรูปแบบทางเทคนิคและตัวชี้วัด เช่น RSI, MACD, และ Stochastic อย่างใกล้ชิดเมื่อราคาเข้าใกล้แนวต้านจะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสังเกตสัญญาณ Divergence ที่อาจบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงทิศทางของราคา
แนวรับแรกอยู่ที่กรอบ 7.3704-7.3800 ซึ่งเป็นจุดสูงสุดเดิมของปี 2022 ที่ถูกทะลุไปแล้ว และได้กลายเป็นแนวรับตามทฤษฎี “แนวต้านเดิม กลายเป็นแนวรับใหม่” (Previous Resistance Becomes New Support) ระดับนี้ยังสอดคล้องกับการปรับตัว Fibonacci Retracement 23.6% จากการปรับตัวขึ้นล่าสุด
ตัวชี้วัด Fractals บนกราฟรายวันแสดงให้เห็น Up Fractal ที่บริเวณใกล้เคียงกับระดับนี้ ยืนยันความสำคัญของพื้นที่นี้ในฐานะแนวรับ หากราคาย่อตัวลงมาทดสอบแนวรับนี้ ควรมีปริมาณการซื้อขาย (Volume) ที่เพิ่มขึ้นเพื่อยืนยันความแข็งแกร่งของแนวรับ
แนวต้านจิตวิทยาสำคัญเดิมที่ 7.3000 ซึ่งราคาใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการทดสอบก่อนจะทะลุผ่านไปได้ บัดนี้ได้กลายเป็นแนวรับที่แข็งแกร่ง เนื่องจากมีนักลงทุนจำนวนมากที่ให้ความสำคัญกับระดับนี้ นอกจากนี้ ระดับนี้ยังสอดคล้องกับการปรับตัว Fibonacci Retracement 38.2% และใกล้เคียงกับเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วัน (SMA 20) ซึ่งกำลังปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
จากข้อมูลทางเทคนิค บริเวณ 7.3000-7.3100 มี Trading Volume สูงในช่วงที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงความสนใจของนักลงทุนจำนวนมากในระดับนี้ การย่อตัวลงมาทดสอบแนวรับนี้จึงมีโอกาสสูงที่จะมีแรงซื้อเข้ามาหนุน
แนวรับที่สำคัญอีกระดับหนึ่งอยู่ที่ 7.2850-7.2880 ซึ่งเป็นระดับเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน (SMA 50) ในปัจจุบัน นอกจากนี้ ระดับนี้ยังเป็นแนวรับที่เคยถูกทดสอบหลายครั้งในช่วงเดือนมีนาคมและต้นเดือนเมษายน 2025 ก่อนที่ราคาจะปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
ดัชนี RSI-based MA บนกราฟรายวัน ซึ่งเป็นเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ของ RSI แสดงการสนับสนุนที่ระดับนี้ด้วย โดยหากราคาย่อตัวลงมาถึงระดับนี้ RSI จะอยู่ที่ประมาณ 50 ซึ่งเป็นจุดสมดุลระหว่างแรงซื้อและแรงขาย และมักเป็นจุดที่เหมาะสำหรับการเข้าซื้อในแนวโน้มขาขึ้น
หากราคาหลุดแนวรับที่ 7.2850 ลงมา แนวรับถัดไปจะอยู่ที่กรอบ 7.2500-7.2650 ซึ่งเป็นระดับ Fibonacci Retracement 61.8% จากการปรับตัวขึ้นล่าสุด และเป็นบริเวณที่มี Up Fractal หลายจุดในอดีต แสดงถึงการสะสมก่อนที่ราคาจะปรับตัวขึ้น
ในกรอบ H4 เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 100 (SMA 100) กำลังเคลื่อนตัวขึ้นมาใกล้ระดับนี้ ซึ่งจะเสริมความแข็งแกร่งของแนวรับ อย่างไรก็ตาม หากราคาหลุดระดับนี้ลงไป อาจบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มจากขาขึ้นเป็นแนวโน้มขาลงในระยะกลาง
นี่เป็นแนวรับที่สำคัญมากในระยะยาว เป็นฐานของการสะสมในช่วงต้นปี 2025 ก่อนที่ราคาจะปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ระดับนี้ยังสอดคล้องกับเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน (SMA 200) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดแนวโน้มระยะยาวที่สำคัญ
หากราคาปรับตัวลงมาถึงระดับนี้ จะเป็นการปรับฐานลึกถึง 78.6% ตามทฤษฎี Fibonacci และอาจทำให้เกิดการสะสมรอบใหม่ การหลุดระดับนี้จะเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าแนวโน้มขาขึ้นในระยะยาวได้สิ้นสุดลงแล้ว
สำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการเข้าซื้อ:
สำหรับเทรดเดอร์ที่ถือสถานะขาย:
การวางแผนการเทรดโดยคำนึงถึงแนวรับสำคัญเหล่านี้จะช่วยให้นักลงทุนสามารถบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของ USD/CNH ในสภาวะตลาดที่มีความผันผวนสูงเช่นนี้
ปัจจัยหลักที่ผลักดันให้ USD/CNH ปรับตัวขึ้นไปทดสอบระดับ 7.42 คือการกลับมาของสงครามการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ประกาศพิจารณาบังคับใช้มาตรการภาษีนำเข้าสินค้าจีนเพิ่มเติม 40% ซึ่งจีนตอบโต้ด้วยการขู่ว่าจะลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และจำกัดการส่งออกแร่หายาก
ผลกระทบโดยตรงของความขัดแย้งนี้คือการกดดันให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลง ซึ่งเป็นกลไกธรรมชาติในการรับมือกับผลกระทบจากการค้าที่ลดลง ในอดีต เราเห็นว่าทุกครั้งที่มีการประกาศใช้มาตรการภาษีโดยสหรัฐฯ ค่าเงินหยวนมักจะอ่อนค่าลงในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกับอัตราภาษีที่เพิ่มขึ้น เพื่อชดเชยผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันด้านราคาของสินค้าจีน
นักวิเคราะห์จาก LiteFinance คาดการณ์ว่าหากสงครามการค้ารุนแรงขึ้น เงินหยวนอาจอ่อนค่าสู่ระดับ 7.6 ต่อดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2025 ซึ่งจะส่งผลให้ USD/CNH ปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากระดับปัจจุบัน
ความแตกต่างของนโยบายการเงินระหว่างสหรัฐฯ และจีนเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อ USD/CNH:
ความแตกต่างในพลวัตเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศส่งผลโดยตรงต่อค่าเงิน:
การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างตลาดต่างๆ ช่วยให้เข้าใจพลวัตของ USD/CNH ได้ดีขึ้น:
นอกเหนือจากความตึงเครียดทางการค้า ยังมีปัจจัยความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์อื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อ USD/CNH:
การประเมินปัจจัยพื้นฐานเหล่านี้อย่างรอบด้านจะช่วยให้นักลงทุนเข้าใจแรงขับเคลื่อนที่อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของ USD/CNH และสามารถวางกลยุทธ์การเทรดที่สอดคล้องกับแนวโน้มตลาดในระยะต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในสภาวะที่ตลาดมีความผันผวนสูงจากปัจจัยหลายด้านเช่นปัจจุบัน
การวิเคราะห์คู่เงิน USD/CNH ในช่วงนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการพิจารณาทั้งปัจจัยเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานควบคู่กัน โดยเฉพาะในสภาวะที่ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนกำลังทวีความรุนแรงขึ้น การที่ราคาได้ทะลุแนวต้านสำคัญที่ 7.3000 และปรับตัวขึ้นไปทดสอบระดับ 7.42 สะท้อนถึงแรงกดดันที่มีต่อค่าเงินหยวนและความกังวลของตลาดต่อผลกระทบของสงครามการค้ารอบใหม่
จากการวิเคราะห์ทางเทคนิค เราเห็นว่า USD/CNH กำลังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจน โดยกราฟรายวันแสดงรูปแบบสามเหลี่ยมบีบตัว (Contracting Triangle) ที่มีจุดต่ำสุดที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง บ่งชี้ถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่ง ตัวชี้วัดทางเทคนิคส่วนใหญ่ เช่น MACD และ RSI สนับสนุนแนวโน้มขาขึ้นนี้ แม้ว่าในกรอบเวลาที่เล็กลง อาจมีสัญญาณการพักตัวหรือความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับฐานระยะสั้น
ระดับแนวต้านสำคัญที่ต้องจับตาต่อไปคือ 7.45 และ 7.50 ซึ่งเป็นระดับจิตวิทยาสำคัญและสอดคล้องกับการขยายตัว Fibonacci จากการปรับตัวลงครั้งล่าสุด ในขณะที่แนวรับสำคัญอยู่ที่ 7.3704-7.3800 (จุดสูงสุดเดิมของปี 2022 ที่ถูกทะลุไปแล้ว) และ 7.3000-7.3100 (แนวต้านเดิมที่กลายเป็นแนวรับใหม่)
ในแง่ของปัจจัยพื้นฐาน ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันให้ USD/CNH ปรับตัวขึ้น โดยการประกาศบังคับใช้มาตรการภาษีนำเข้าสินค้าจีนเพิ่มเติม 40% จากสหรัฐฯ และการตอบโต้จากจีนสร้างความไม่แน่นอนในตลาดการเงินทั่วโลก นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าหากสงครามการค้ารุนแรงขึ้น USD/CNH อาจปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 7.6 ภายในสิ้นปี 2025
นอกจากนี้ แนวโน้มนโยบายการเงินของ Fed และ PBoC ก็มีความสำคัญต่อทิศทางของ USD/CNH โดยตลาดคาดการณ์ว่า Fed อาจเร่งลดอัตราดอกเบี้ยในครึ่งปีหลัง 2025 จากตัวเลขเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดัน USD/CNH ในระยะกลาง ในขณะที่ PBoC ยังคงมีเครื่องมือนโยบายที่หลากหลายและเงินสำรองระหว่างประเทศที่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะรักษาเสถียรภาพของค่าเงินหยวน
สำหรับเทรดเดอร์ระยะสั้น (1-3 วัน):
สำหรับเทรดเดอร์ระยะกลาง (1-2 สัปดาห์):
สำหรับนักลงทุนระยะยาว:
โดยสรุป USD/CNH กำลังอยู่ในช่วงสำคัญของการเคลื่อนไหว ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าที่ทวีความรุนแรงและปัจจัยพื้นฐานที่ซับซ้อน นักลงทุนควรติดตามทั้งการพัฒนาของปัจจัยเทคนิค โดยเฉพาะการทดสอบแนวต้านและแนวรับสำคัญ และปัจจัยพื้นฐาน โดยเฉพาะการประกาศนโยบายการค้าและข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ เพื่อปรับกลยุทธ์การเทรดให้สอดคล้องกับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว