หมายเหตุสำคัญ!
เราใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดบนเว็บไซต์ของเรา
ด้วยการคลิกที่ ‘ตกลง’ คุณได้ยอมรับการใช้คุกกี้ของเราตามที่อธิบายไว้ใน นโยบายคุกกี้
คู่เงิน GBPUSD เคลื่อนไหวในแดนบวกอย่างแข็งแกร่งตลอดช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2025 โดย ณ วันที่ 14 พฤษภาคม 2025 เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องและเคลื่อนไหวในกรอบ 1.3291-1.3355 ซึ่งใกล้แนวต้านสำคัญทางจิตวิทยาที่ 1.3350 ตลาดมีแนวโน้มเชิงบวกโดยได้รับปัจจัยหนุนหลักจากตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ออกมาต่ำกว่าคาดและพัฒนาการเชิงบวกในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน
สภาพตลาด GBPUSD ในขณะนี้แสดงถึงแรงซื้อที่มีความต่อเนื่อง โดยคู่เงินนี้ปรับตัวขึ้น 0.29% เมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า และเคลื่อนไหวเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สำคัญทั้งในกรอบเวลา 4 ชั่วโมงและรายวัน ซึ่งเป็นสัญญาณของแนวโน้มขาขึ้นที่กำลังก่อตัว ดัชนี RSI บนกรอบเวลา 4 ชั่วโมงอยู่เหนือระดับ 60 บ่งชี้ถึงโมเมนตัมที่แข็งแกร่งในฝั่งซื้อ
ในมุมมองของบริบทระหว่างตลาด ค่าเงินปอนด์ได้รับประโยชน์จากสภาพแวดล้อมความเสี่ยงที่เอื้ออำนวย ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงต่อเนื่องประมาณ 3% นับตั้งแต่การประกาศนโยบายภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีทรัมป์ สะท้อนถึงความกังวลของตลาดเกี่ยวกับผลกระทบของนโยบายการค้าเชิงรุก อย่างไรก็ตาม ล่าสุดได้มีข้อตกลงชั่วคราวในการลดภาษีระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งได้ช่วยลดแรงกดดันต่อเศรษฐกิจโลกและสร้างความเชื่อมั่นในตลาด
จากการวิเคราะห์โครงสร้างตลาดในปัจจุบัน GBPUSD กำลังเข้าสู่ช่วงตัดสินใจสำคัญทางเทคนิค โดยหากสามารถเบรกผ่านแนวต้านที่ 1.3350 ได้อย่างมั่นคง จะเปิดโอกาสให้มีการปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1.3433 และอาจไปถึง 1.3450-1.3500 ในระยะต่อไป
นักลงทุนควรติดตามการเคลื่อนไหวของราคาอย่างใกล้ชิดในช่วงครึ่งหลังของสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะการกล่าวสุนทรพจน์ของเจ้าหน้าที่ Fed และข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในวันที่ 15 พฤษภาคม ซึ่งอาจส่งผลต่อทิศทางของคู่เงินนี้อย่างมีนัยสำคัญ
ตลาด GBPUSD ได้รับอิทธิพลอย่างมีนัยสำคัญจากเหตุการณ์เศรษฐกิจที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ และยังมีเหตุการณ์สำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ที่นักลงทุนต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อทิศทางของคู่เงินนี้
ข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯ (13 พฤษภาคม 2025)
ข้อตกลงการค้าชั่วคราวระหว่างสหรัฐฯ และจีน (12-13 พฤษภาคม 2025)
แถลงการณ์จากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางอังกฤษ (13 พฤษภาคม 2025)
การกล่าวสุนทรพจน์ของเจ้าหน้าที่ Fed (14 พฤษภาคม 2025)
ข้อมูลยอดค้าปลีกสหรัฐฯ (15 พฤษภาคม 2025)
ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) สหรัฐฯ (15 พฤษภาคม 2025)
การกล่าวสุนทรพจน์ของประธาน Fed Jerome Powell (15 พฤษภาคม 2025)
ผู้เทรดควรเตรียมพร้อมสำหรับความผันผวนที่อาจเพิ่มขึ้นในช่วงการประกาศเหตุการณ์เศรษฐกิจเหล่านี้ โดยเฉพาะในวันที่ 15 พฤษภาคม ซึ่งมีข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญหลายรายการและการกล่าวสุนทรพจน์ของประธาน Fed การติดตามและวิเคราะห์ผลกระทบของเหตุการณ์เหล่านี้จะเป็นกุญแจสำคัญในการประเมินทิศทางของ GBPUSD ในระยะสั้นถึงระยะกลาง
การวิเคราะห์ทางเทคนิคของคู่เงิน GBPUSD ในหลายกรอบเวลาแสดงให้เห็นถึงภาพรวมของแนวโน้มและจุดซื้อขายสำคัญ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น บทวิเคราะห์นี้ครอบคลุมตั้งแต่กรอบเวลารายวัน (D1) ไปจนถึงกรอบเวลาระยะสั้น เพื่อให้ได้มุมมองที่ครบถ้วนสำหรับทั้งเทรดเดอร์ระยะสั้นและระยะยาว
บนกรอบเวลารายวัน GBPUSD แสดงการฟอร์มตัวของแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจน โดยราคาได้สร้างรูปแบบของจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดที่สูงขึ้นต่อเนื่อง (Higher Highs และ Higher Lows) ซึ่งเป็นลักษณะสำคัญของแนวโน้มขาขึ้น ราคาปัจจุบันเคลื่อนตัวเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ทั้ง SMA 50 และ SMA 200 อย่างมั่นคง สะท้อนถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่งในตลาด
ดัชนี RSI อยู่ที่ระดับประมาณ 65 ซึ่งแสดงถึงโมเมนตัมเชิงบวก แต่ยังไม่เข้าสู่เขต Overbought (เกิน 70) ทำให้ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อไปได้ สอดคล้องกับ MACD ที่แสดงสัญญาณ Bullish Crossover (เส้น MACD ตัดขึ้นเหนือเส้น Signal) บ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้นที่มีกำลังดี
การวิเคราะห์ Fractals พบจุด Up Fractal ล่าสุดที่บริเวณ 1.3280 ซึ่งกลายเป็นระดับแนวรับสำคัญในปัจจุบัน ในขณะที่รูปแบบแท่งเทียนล่าสุดแสดงการฟอร์มตัวของ Bullish Engulfing Pattern ยืนยันแรงซื้อที่กลับเข้ามา
ในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง ราคากำลังเคลื่อนตัวในช่องทางขาขึ้น (Ascending Channel) ที่ชัดเจน โดยในปัจจุบันกำลังทดสอบแนวต้านบริเวณ 1.3350 ซึ่งเป็นระดับสำคัญทางจิตวิทยา การเบรกผ่านระดับนี้จะเป็นสัญญาณเชิงบวกที่แข็งแกร่งสำหรับการปรับตัวขึ้นต่อไป
ดัชนี RSI ที่ระดับ 62 สะท้อนถึงโมเมนตัมเชิงบวกที่ยังคงแข็งแกร่ง ขณะที่ Stochastic Oscillator (%K และ %D) อยู่ในเขตซื้อ (เหนือระดับ 80) แต่ยังไม่แสดงสัญญาณของการแยกตัวเชิงลบ (Negative Divergence) จึงยังไม่มีสัญญาณเตือนที่ชัดเจนว่าแนวโน้มจะเปลี่ยน
MACD Histogram มีค่าเป็นบวกและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แสดงถึงแรงซื้อที่เพิ่มขึ้นในตลาด โดยเส้น MACD อยู่เหนือเส้น Signal อย่างชัดเจน สนับสนุนมุมมองเชิงบวกในระยะกลาง
ในกรอบเวลารายชั่วโมง GBPUSD มีการเคลื่อนไหวที่สอดคล้องกับแนวโน้มที่เห็นในกรอบเวลาที่ใหญ่กว่า โดยราคาเคลื่อนตัวเหนือเส้น SMA ทั้งหมดอย่างชัดเจน เส้น SMA สั้น (SMA #1) ตัดขึ้นเหนือเส้น SMA ที่ยาวกว่า (SMA #2, #3 และ #4) ซึ่งเป็นสัญญาณของ Golden Cross บ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง
การวิเคราะห์โมเมนตัมในกรอบเวลานี้พบว่า RSI อยู่ที่ระดับประมาณ 58 ซึ่งยังไม่เข้าสู่เขต Overbought ทำให้ยังมีพื้นที่สำหรับการปรับตัวขึ้นเพิ่มเติม แต่มีสัญญาณของการอ่อนตัวของโมเมนตัมในระยะสั้น อาจนำไปสู่การพักฐานชั่วคราวก่อนที่จะมีการปรับตัวขึ้นต่อไป
สังเกตได้ว่ามีการฟอร์มตัวของ “Regular Bullish” pattern ตามที่ระบุในข้อมูล ซึ่งเป็นสัญญาณยืนยันแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้น โดยมี Histogram ของ MACD มีค่าเป็นบวกแต่เริ่มลดลงเล็กน้อย แสดงถึงการชะลอตัวของโมเมนตัมในระยะสั้น
ในกรอบเวลา 30 นาที, 15 นาที และ 5 นาที เราสามารถเห็นรายละเอียดของการเคลื่อนไหวในระยะสั้นที่ชัดเจนขึ้น โดยราคามีการแกว่งตัวในกรอบแคบระหว่างการทดสอบแนวต้านที่ 1.3350 มีการฟอร์มตัวของรูปแบบการรวมตัว (Consolidation) ในกรอบเวลา M15 ซึ่งมักจะนำไปสู่การเบรกเอาท์ในทิศทางของแนวโน้มหลัก
ดัชนี RSI ในกรอบเวลา M30 และ M15 มีการแกว่งตัวระหว่าง 55-65 แสดงถึงแรงซื้อที่ยังคงมีอยู่แต่ไม่ได้อยู่ในระดับที่มากเกินไป Stochastic Oscillator แสดงสัญญาณของการ Crossover ในโซนซื้อ บ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ของการพักฐานในระยะสั้น
MACD ในกรอบเวลา M5 แสดงสัญญาณของการอ่อนตัวของโมเมนตัม โดย Histogram มีขนาดเล็กลงและเส้น MACD เริ่มเคลื่อนตัวเข้าใกล้เส้น Signal ซึ่งอาจนำไปสู่ Bearish Crossover ในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้อาจเป็นเพียงการพักฐานชั่วคราวในบริบทของแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่งในกรอบเวลาที่ใหญ่กว่า
จากการวิเคราะห์ทางเทคนิคในหลายกรอบเวลา สามารถสรุปได้ว่า GBPUSD อยู่ในแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะในกรอบเวลารายวันและ 4 ชั่วโมง ในขณะที่กรอบเวลาที่สั้นกว่าแสดงสัญญาณของการพักฐานชั่วคราวซึ่งเป็นปกติในบริบทของแนวโน้มขาขึ้น
จุดสำคัญที่ต้องติดตามคือการทดสอบแนวต้านที่ 1.3350 โดยหากราคาสามารถเบรกผ่านระดับนี้ได้อย่างมั่นคง พร้อมปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น จะเป็นสัญญาณเชิงบวกที่แข็งแกร่งสำหรับการปรับตัวขึ้นต่อไปสู่เป้าหมายถัดไปที่ 1.3433 และอาจไปถึง 1.3500 ในที่สุด
การระบุระดับแนวต้านสำคัญช่วยให้นักลงทุนสามารถวางแผนการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ตลาดมีแนวโน้มขาขึ้นอย่างชัดเจนเช่นคู่เงิน GBPUSD ในขณะนี้ การเข้าใจแนวต้านสำคัญจะช่วยในการกำหนดเป้าหมายกำไร จุดตัดขาดทุน และระดับที่ควรติดตามอย่างใกล้ชิด
แนวต้านนี้เป็นระดับที่ GBPUSD กำลังทดสอบในปัจจุบัน และถือเป็นระดับสำคัญด้วยเหตุผลหลายประการ:
การเบรกผ่านระดับนี้อย่างมั่นคงด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นจะเป็นสัญญาณเชิงบวกที่แข็งแกร่ง เปิดโอกาสให้มีการปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่สูงกว่า
FX.co วิเคราะห์ว่าหากราคาสามารถเบรกผ่านแนวต้าน 1.3311 ได้ (ซึ่งเกิดขึ้นแล้ว) จะเปิดโอกาสให้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปที่เป้าหมาย 1.3433 ระดับนี้มีความสำคัญเนื่องจาก:
นักลงทุนควรคาดหวังว่าอาจมีแรงเทขายกำไรเมื่อราคาเข้าใกล้ระดับนี้ ทำให้อาจเกิดการปรับฐานชั่วคราวก่อนที่จะมีความพยายามในการเบรกผ่านต่อไป
ช่วงระดับ 1.3450-1.3500 ถือเป็นโซนแนวต้านที่สำคัญมากด้วยเหตุผลดังนี้:
การเบรกผ่านโซน 1.3450-1.3500 จะเป็นสัญญาณบ่งชี้การเปลี่ยนแปลงแนวโน้มในระยะยาวอย่างมีนัยสำคัญ และอาจนำไปสู่การปรับตัวขึ้นต่อไปสู่ระดับ 1.3600 และสูงกว่า
นี่คือระดับที่ FX.co ระบุว่าเป็นขอบบนของช่องราคา และมีความสำคัญเนื่องจาก:
หากราคาปรับตัวขึ้นถึงระดับนี้ นักลงทุนควรระวังความเป็นไปได้ของการกลับตัวลงอย่างรุนแรง เนื่องจากอาจมีแรงขายทำกำไรจำนวนมาก
แม้ว่าระดับนี้จะอยู่ไกลจากราคาปัจจุบัน แต่ก็ควรระบุไว้เป็นเป้าหมายระยะยาวหากแนวโน้มขาขึ้นยังคงดำเนินต่อไป:
นักลงทุนที่มองการลงทุนในระยะยาวควรพิจารณาระดับนี้เป็นเป้าหมายสุดท้ายของการปรับตัวขึ้นในรอบปัจจุบัน
การติดตามว่าราคาจะตอบสนองอย่างไรเมื่อทดสอบแนวต้านเหล่านี้ จะให้ข้อมูลที่มีค่าเกี่ยวกับแนวโน้มในอนาคตและความแข็งแกร่งของแรงซื้อในตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสังเกตปริมาณการซื้อขายและพฤติกรรมของตัวชี้วัดโมเมนตัมเมื่อราคาเข้าใกล้แนวต้านสำคัญเหล่านี้
การวิเคราะห์ระดับแนวรับสำคัญมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการวางแผนบริหารความเสี่ยงและกำหนดจุดเข้าซื้อที่เหมาะสม โดยเฉพาะในช่วงที่คู่เงิน GBPUSD มีการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว การรู้จักแนวรับที่น่าเชื่อถือจะช่วยให้นักลงทุนสามารถเตรียมพร้อมรับมือกับการปรับฐานที่อาจเกิดขึ้นได้ และวางแผนการเทรดในระยะถัดไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แนวรับนี้เป็นโซนสำคัญในปัจจุบันด้วยเหตุผลหลายประการ:
หากราคาย่อตัวลงมาทดสอบโซนนี้ นักลงทุนควรติดตามรูปแบบแท่งเทียนและปริมาณการซื้อขาย เพื่อยืนยันว่าแนวรับนี้ยังคงทำงานได้ดี โดยเฉพาะการฟอร์มตัวของแท่งเทียนกลับตัวในโซนแนวรับ
โซนนี้มีความสำคัญเนื่องจาก:
หากเกิดการปรับฐานลงมาถึงระดับนี้ นักลงทุนควรมองหาสัญญาณของการกลับตัวขึ้น เช่น การฟอร์มตัวของ Bullish Engulfing หรือ Hammer Candlestick ประกอบกับการฟื้นตัวของตัวชี้วัดโมเมนตัม
ระดับนี้ถือเป็นแนวรับสำคัญด้วยเหตุผลดังนี้:
นักลงทุนที่มองหาจุดเข้าซื้อในช่วงการปรับฐานอาจพิจารณาระดับนี้เป็นเป้าหมาย โดยเฉพาะหากมีการยืนยันจากตัวชี้วัดทางเทคนิคอื่นๆ เช่น RSI ที่ฟื้นตัวจากระดับ 50
โซนแนวรับนี้มีความสำคัญในระยะกลางด้วยเหตุผลดังนี้:
การปรับฐานลงมาถึงระดับนี้อาจบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มระยะสั้น แต่หากแนวรับนี้สามารถยืนได้มั่นคง ก็ยังถือว่าแนวโน้มขาขึ้นในระยะกลางและระยะยาวยังคงอยู่
นี่คือแนวรับที่แข็งแกร่งที่สุดในบริบทของการเคลื่อนไหวปัจจุบัน:
การเบรกผ่านแนวรับนี้ลงไปจะเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญว่าอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มในระยะกลาง และนักลงทุนควรทบทวนกลยุทธ์การเทรดในฝั่งซื้ออย่างระมัดระวัง
การเข้าใจระดับแนวรับสำคัญเหล่านี้จะช่วยให้นักลงทุนสามารถวางแผนการเทรดได้อย่างเป็นระบบ ทั้งในแง่ของการกำหนดจุดเข้าซื้อในช่วงที่ราคาปรับฐาน การตั้งจุดตัดขาดทุน และการปรับกลยุทธ์เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้ม
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเข้าใจทิศทางระยะกลางถึงระยะยาวของคู่เงิน GBPUSD เนื่องจากปัจจัยเหล่านี้เป็นแรงขับเคลื่อนหลักที่อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของราคา ในส่วนนี้ เราจะวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานสำคัญที่กำลังส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของ GBPUSD ในปัจจุบัน
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)
ข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯ ล่าสุดที่ประกาศเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2025 แสดงว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 2.3% ในเดือนเมษายนเมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 2.4% ตัวเลขเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงนี้ส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงและเพิ่มความเป็นไปได้ที่ Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
ตลาดกำลังจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของเจ้าหน้าที่ Fed ที่มีกำหนดในช่วงครึ่งหลังของวันที่ 14 พฤษภาคม และการกล่าวสุนทรพจน์ของประธาน Fed Jerome Powell ในวันที่ 15 พฤษภาคม เพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับแนวโน้มนโยบายการเงินในอนาคต
ปัจจุบัน Fed มีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับปัจจุบันในการประชุมเดือนพฤษภาคมนี้ แต่ตลาดคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปี 2025 ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันดอลลาร์ในระยะกลาง
ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE)
ในขณะเดียวกัน ธนาคารกลางอังกฤษได้แสดงท่าทีที่ระมัดระวังมากขึ้นเกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ย นักเศรษฐศาสตร์ของ BoE Catherine Mann กล่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า ตลาดแรงงานของสหราชอาณาจักรมีความยืดหยุ่นมากกว่าที่คาดไว้ และแสดงความกังวลเกี่ยวกับการคาดการณ์เงินเฟ้อในครัวเรือนและเงินเฟ้อราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ BoE Huw Pill ยังชี้ว่าเงินเฟ้อในสหราชอาณาจักรอาจสูงกว่าการคาดการณ์ของธนาคาร ซึ่งอาจทำให้ต้องรักษาอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงนานกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ปัจจุบัน ตลาดคาดการณ์ว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ย 48 เบสิสพอยต์ภายในสิ้นปี และไม่มีการคาดหวังการเปลี่ยนแปลงในการประชุมของ BoE ในเดือนมิถุนายน
ความแตกต่างระหว่างแนวโน้มนโยบายการเงินของ Fed และ BoE นี้เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่สนับสนุนการแข็งค่าของเงินปอนด์เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในปัจจุบัน
เศรษฐกิจสหรัฐฯ
เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแสดงสัญญาณของความแข็งแกร่ง แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวในบางภาคส่วน ตลาดแรงงานยังคงตึงตัว แต่มีสัญญาณของการผ่อนคลายเล็กน้อย ซึ่งสอดคล้องกับความพยายามของ Fed ในการควบคุมเงินเฟ้อโดยไม่ทำให้เกิดภาวะถดถอย
อย่างไรก็ตาม นโยบายการค้าเชิงรุกของรัฐบาลทรัมป์ โดยเฉพาะการประกาศภาษีศุลกากรใหม่ ได้สร้างความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในระยะยาว ดอลลาร์สหรัฐได้ลดลงประมาณ 3% นับตั้งแต่การประกาศนโยบายภาษีศุลกากรเหล่านี้
ล่าสุด ข้อตกลงชั่วคราวในการลดภาษีระหว่างสหรัฐฯ และจีนได้ช่วยบรรเทาความกังวลบางส่วน และส่งเสริมความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก รวมถึงเงินปอนด์
เศรษฐกิจสหราชอาณาจักร
เศรษฐกิจสหราชอาณาจักรกำลังแสดงสัญญาณของการฟื้นตัว โดยได้รับแรงหนุนจากตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งกว่าคาด พลวัตของเงินเฟ้อในสหราชอาณาจักรปรับตัวดีขึ้น แม้ว่าจะยังคงอยู่เหนือเป้าหมายของ BoE ที่ 2%
นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ทางการค้าที่แข็งแกร่งขึ้นกับสหรัฐฯ และอินเดียยังช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร โดยเฉพาะในช่วงที่ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนเริ่มผ่อนคลาย
การเคลื่อนไหวของ GBPUSD ยังได้รับอิทธิพลจากความสัมพันธ์กับตลาดอื่นๆ ดังนี้:
ปัจจัยพื้นฐานโดยรวมในปัจจุบันเอื้อต่อการแข็งค่าของ GBPUSD โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักดังนี้:
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรติดตามข้อมูลเศรษฐกิจที่จะประกาศในวันที่ 15 พฤษภาคม และการกล่าวสุนทรพจน์ของประธาน Fed อย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจส่งผลต่อการคาดการณ์นโยบายการเงินและการเคลื่อนไหวของ GBPUSD ในระยะสั้น
การวิเคราะห์คู่เงิน GBPUSD ในช่วงวันที่ 14 พฤษภาคม 2025 แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มขาขึ้นที่มีความแข็งแกร่ง โดยมีปัจจัยสนับสนุนทั้งทางด้านเทคนิคและพื้นฐาน ราคาปัจจุบันกำลังทดสอบแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1.3350 ซึ่งเป็นจุดตัดสินใจที่สำคัญต่อทิศทางในระยะถัดไป
ในด้านปัจจัยทางเทคนิค GBPUSD แสดงสัญญาณบวกอย่างชัดเจน โดยเคลื่อนไหวเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สำคัญทั้งในกรอบเวลารายวันและรายชั่วโมง มีการฟอร์มตัวของแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจนผ่านรูปแบบ Higher Highs และ Higher Lows ต่อเนื่อง ดัชนี RSI บนกรอบเวลา 4 ชั่วโมงอยู่เหนือระดับ 60 บ่งชี้ถึงโมเมนตัมที่แข็งแกร่ง ในขณะที่ MACD ยังคงอยู่ในเขตบวกและสนับสนุนแนวโน้มปัจจุบัน
ในแง่ของปัจจัยพื้นฐาน ข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ต่ำกว่าคาดและการผ่อนคลายความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนได้สร้างแรงกดดันต่อดอลลาร์ ในขณะที่ตลาดแรงงานของสหราชอาณาจักรที่แข็งแกร่งกว่าคาดและความเห็นของเจ้าหน้าที่ BoE ที่ระมัดระวังเกี่ยวกับแนวโน้มเงินเฟ้อได้สนับสนุนเงินปอนด์ ความแตกต่างในแนวโน้มนโยบายการเงินระหว่าง Fed และ BoE ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเคลื่อนไหวของคู่เงินนี้
สำหรับแนวโน้มในระยะสั้นถึงระยะกลาง หากราคาสามารถเบรกผ่านแนวต้านที่ 1.3350 ได้อย่างมั่นคง เราอาจเห็นการปรับตัวขึ้นต่อไปสู่เป้าหมายที่ 1.3433 และอาจไปถึง 1.3500 ในที่สุด อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถเบรกผ่านแนวต้านนี้ได้ การปรับฐานลงมาทดสอบแนวรับที่ 1.3310-1.3320 เป็นสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ในระยะสั้น
สำหรับกลยุทธ์การเทรด นักลงทุนสามารถพิจารณาตามสถานการณ์ต่อไปนี้:
ปัจจัยสำคัญที่ควรติดตามในระยะต่อไปได้แก่ การกล่าวสุนทรพจน์ของเจ้าหน้าที่ Fed และประธาน Fed Jerome Powell ในวันที่ 14-15 พฤษภาคม ข้อมูลยอดค้าปลีกและดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) สหรัฐฯ ที่จะประกาศในวันที่ 15 พฤษภาคม รวมถึงพัฒนาการของความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศ ปัจจัยเหล่านี้อาจส่งผลต่อทิศทางของ GBPUSD อย่างมีนัยสำคัญในระยะสั้น
โดยสรุป GBPUSD มีแนวโน้มเชิงบวกในปัจจุบัน โดยได้รับแรงหนุนจากทั้งปัจจัยทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐาน นักลงทุนควรจับตาระดับ 1.3350 อย่างใกล้ชิด โดยการเบรกผ่านระดับนี้จะเป็นสัญญาณที่แข็งแกร่งสำหรับการปรับตัวขึ้นต่อไป ในขณะที่การล้มเหลวในการเบรกผ่านอาจนำไปสู่การพักฐานในระยะสั้น การบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสมและการติดตามปัจจัยพื้นฐานอย่างต่อเนื่องยังคงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเทรด GBPUSD ในสภาวะตลาดปัจจุบัน