สัปดาห์ของวันที่ 21-25 ตุลาคม 2024 มีเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบสูงและรายงานผลประกอบการของบริษัทที่สำคัญมากมาย ธนาคารกลางและตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจจากแคนาดา ยุโรป สหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกาจะให้ข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญเกี่ยวกับแนวโน้มเงินเฟ้อ การผลิตและภาคการบริการ เหตุการณ์ที่สำคัญนั้นรวมถึงการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยข้ามคืนของสหราชอาณาจักร ตลอดจนรายงานประมาณการ PMI จากยุโรป สหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้การเปิดเผยผลประกอบการที่สำคัญจากบริษัทอย่าง General Electric, General Motors, Coca-Cola และ Tesla ก็จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นและกลยุทธ์ของนักลงทุน
วันพุธ เวลา 16:45 น. (GMT+3) – แคนาดา: อัตราดอกเบี้ยข้ามคืน (CAD)
วันพฤหัสบดี เวลา 11:00 น. (GMT+3) – ยุโรป: ประมาณการ PMI ภาคการผลิต (EUR)
วันพฤหัสบดี เวลา 11:00 น. (GMT+3) – ยุโรป: ประมาณการ PMI ภาคการบริการ (EUR)
วันพฤหัสบดี เวลา 11:30 น. (GMT+3) – สหราชอาณาจักร: ประมาณการ PMI ภาคการผลิต (GBP)
วันพฤหัสบดี เวลา 11:30 น. (GMT+3) – สหราชอาณาจักร: ประมาณการ PMI ภาคการบริการ (GBP)
วันพฤหัสบดี เวลา 16:45 น. (GMT+3) – สหรัฐอเมริกา: ประมาณการ PMI ภาคการผลิต (USD)
วันพฤหัสบดี เวลา 16:45 น. (GMT+3) – สหรัฐอเมริกา: ประมาณการ PMI ภาคการบริการ (USD)
วันศุกร์ เวลา 15:30 น. (GMT+3) – แคนาดา: ยอดขายปลีกเทียบรายเดือน (CAD)
เวลา 16:45 น. – แคนาดา: อัตราดอกเบี้ยข้ามคืน (CAD)
ธนาคารแห่งแคนาดาใช้เป้าหมายอัตราดอกเบี้ยข้ามคืนที่รู้กันในชื่ออัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยนี้ส่งผลกระทบต่ออัตราดอกเบี้ยอื่น ๆ ในประเทศ โดยส่งผลกระทบต่อการกู้คืน การจำนองและเงินออม ธนาคารปรับอัตราดอกเบี้ยนี้เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง (กระตุ้นให้เกิดการใช้จ่าย) หรือเพื่อลดอัตราเงินเฟ้อ โดยการเพิ่มอัตราเงินเฟ้อ (กระตุ้นให้เกิดการออม) อัตราดอกเบี้ยเป้าหมายเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการคงความเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในวงกว้างของธนาคาร
ธนาคารแห่งแคนาดาประกาศที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยข้ามคืนเป้าหมายเป็น 4.25% ในวันที่ 4 กันยายน 2024 โดยอัตราดอกเบี้ยธนาคารอยู่ที่ 4.5% และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ที่ 4.25% ในขณะที่ยังคงดำเนินการปรับงบดุลให้เป็นมาตรฐานต่อไป
นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า BOC จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยข้ามคืนเป็น 3.75%
เวลา 11:00 น. – ยุโรป: ประมาณการ PMI ภาคการผลิต (EUR)
PMI ภาคการผลิตคือแบบสำรวจกิจกรรมทางการผลิตของสหรัฐอเมริการายเดือน ข้อมูลดังกล่าวประกอบด้วยดัชนีเบื้องต้นที่บ่งชี้การขยายตัวของภาคส่วนหากตัวเลขสูงกว่า 50% และการหดตัวหากตัวเลขต่ำกว่า รายงานดังกล่าวติดตามการเปลี่ยนแปลงในตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น ยอดคำสั่งซื้อใหม่ การผลิต และการจ้างงาน โดยนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสุขภาพของภาคการผลิตและเศรษฐกิจในวงกว้าง
ในเดือนกันยายน กิจกรรมทางธุรกิจของยูโรโซนปรับตัวลง นำโดยการหดตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการผลิต ยอดคำสั่งซื้อใหม่ลดลงอย่างรวดเร็ว ความเชื่อมั่นแตะที่ระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือน และการลดจำนวนพนักงานยังคงมีอยู่ บริการมีการเติบโตเล็กน้อย ในขณะที่ฝรั่งเศสและเยอรมนีเผชิญกับการหดตัว โดยมีการเติบโตเล็กน้อยในที่อื่น
นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ตัวเลขที่หดตัวที่ 45.1 ซึ่งบ่งบอกถึงการชะลอตัวเพิ่มเติมในกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
เวลา 11:00 น. – ยุโรป: ประมาณการ PMI ภาคการบริการ (EUR)
ดัชนีของผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการ (PMI) คือตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่วัดประสิทธิภาพของภาคการผลิต ข้อมูลดังกล่าวอ้างอิงตามแบบสำรวจผู้บริหารธุรกิจในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การเงิน การดูแลสุขภาพ การค้าปลีก และด้านบริการอื่น ๆ ดัชนีสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของตัวแปรสำคัญ เช่น ธุรกิจใหม่ การจ้างงาน ราคาและผลผลิต การอ่านค่า PMI ได้สูงกว่า 50 บ่งบอกถึงการขยายตัวในภาคการบริการ ในขณะที่การอ่านค่าได้ต่ำกว่า 50 ส่งสัญญาณถึงการหดตัว ข้อมูลดังกล่าวเป็นมาตรวัดที่สำคัญสำหรับการประเมินสุขภาพทางเศรษฐกิจและเป็นแนวทางในการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการเงิน
ในเดือนกันยายน กิจกรรมธุรกิจในภาคเอกชนของยูโรโซน ปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในในช่วงเจ็ดเดือน โดยได้รับแรงขับเคลื่อนจากการปรับตัวลงอย่างรวดเร็วในยอดคำสั่งซื้อใหม่และผลผลิต การเติบโตของการบริการมีน้อยมาก ซึ่งอ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ฝรั่งเศสกลับเข้าสู่ภาวะหดตัว และเยอรมนีปรับตัวลงสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ในขณะที่ประเทศอื่น ๆ ในกลุ่มยูโรโซนมีการเติบโตเล็กน้อย
นักเศรษศาสตร์คาดการณ์ตัวเลขที่เติบโตที่ 51.5 ซึ่งบ่งบอกถึงการขยายตัวเล็กน้อยในกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
เวลา 11:30 น. (GMT+3) – สหราชอาณาจักร: ประมาณการ PMI ภาคการผลิต (GBP)
ในเดือนกันยายน PMI ภาคการผลิตของสหราชอาณาจักรร่วงลงมาที่ 51.5 ซึ่งถือว่าต่ำสุดในรอบสามเดือน ส่งสัญญาณการเติบโตที่ช้าลงในภาคการผลิต ในขณะที่กิจกรรมภาคเอกชนปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง การเติบโตโดยรวมชะลอตัวลง โดยได้รับแรงขับเคลื่อนจากการบริการและการผลิตที่อ่อนแอลง อัตราเงินเฟ้อของต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้น โดยมีสาเหตุหลักมาจากค่าจ้างและค่าขนส่งที่สูงขึ้น แต่ราคาเพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2021
นักวิเคราะห์คาดการณ์การอ่านค่าได้ 51.5
เวลา 11:30 น. (GMT+3) – สหราชอาณาจักร: ประมาณการ PMI ภาคการบริการ (GBP)
ในเดือนกันยายน PMI ภาคการบริการของสหราชอาณาจักรร่วงลงมาที่ 52.8 จาก 53.7 ในเดือนสิงหาคม ซึ่งส่งสัญญาณการเติบโตที่ชะลอตัวลงมากขึ้นในภาคการบริการ แม้ว่าจะมีการปรับตัวลง แต่กิจกรรมทางธุรกิจก็ขยายตัวเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกันแล้ว แรงกดดันเงินเฟ้อลดลง โดยราคาปรับตัวขึ้นในระดับที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2011 แต่ถึงอย่างนั้น ความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการคลังก่อนงบประมาณฤดูใบไม้ร่วงและอุปสงค์ทั่วโลกส่งผลต่อการมองในแง่ดี
นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ตัวเลขที่เติบโตที่ 52.3
เวลา 16:45 น. – สหรัฐอเมริกา: ประมาณการ PMI ภาคการผลิต (USD)
PMI ภาคการผลิตคือแบบสำรวจกิจกรรมการผลิตของสหรัฐอเมริการายเดือน ข้อมูลดังกล่าวประกอบไปด้วยดัชนีเบื้องต้นที่บ่งบอกถึงการขยายตัวของภาคส่วนหากตัวเลขสูงกว่า 50% และการหดตัวหากตัวเลขต่ำกว่า รายงานดังกล่าวติดตามการเปลี่ยนแปลงในตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น ยอดคำสั่งซื้อใหม่ การผลิต และการจ้างงาน โดยนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสุขภาพของภาคการผลิตและเศรษฐกิจในวงกว้าง
ประมาณการ PMI ภาคการผลิตของสหรัฐอเมริกาจาก S&P Global ร่วงมาที่ 47.0 ในเดือนกันยายน บ่งบอกถึงสภาวะทางธุรกิจแย่ลงเป็นเดือนที่สามติดต่อกัน และลดลงสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2023 คำสั่งซื้อใหม่ลดลงอย่างรวดเร็ว การจ้างงานลดลงในอัตราที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2020 และเวลาจัดส่งของซัพพลายเออร์ดีขึ้น ส่งสัญญาณถึงกำลังการผลิตสำรอง การผลิตชะลอตัวแต่มีการปรับปรุงบ้างเมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม
นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ตัวเลขที่หดตัวลงที่ 47.5
เวลา 16:45 น. – สหรัฐอเมริกา: ประมาณการ PMI ภาคการบริการ (USD)
PMI ภาคการบริการจาก ISM วัดกิจกรรมในภาคการบริการของสหรัฐอเมริกาสำหรับเดือนที่รายงาน ข้อมูลดังกล่าวมาจากแบบสำรวจผู้บริหารด้านอุปทานในภาคบริการ การอ่านค่าที่สูงกว่า 50 อาจส่งผลเชิงบวกต่อราคาเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา
ในเดือนกันยายน PMI ภาคการบริการของสหรัฐอเมริกาอ่านค่าได้ที่ 55.4 ซึ่งบ่งชี้การเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะลดลงเล็กน้อยจาก 55.7 ในเดือนสิงหาคม การขยายตัวของภาคบริการยังคงแข็งแกร่ง แต่การผลิตลดลง ความเชื่อมั่นทางธุรกิจลดลง และราคาก็เพิ่มขึ้นในอัตราที่เร็วที่สุดในรอบหกเดือน โดยได้แรงหนุนจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น โดยเฉพาะค่าจ้าง
นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์การอ่านค่าได้ 55.0
เวลา 15:30 น. – แคนาดา: ยอดขายปลีกเทียบรายเดือน (CAD)
ยอดขายปลีกแคนาดาแสดงการเปลี่ยนแปลงในมูลค่าของสินค้าที่ขายในร้านค้าปลีกในเดือนที่กำหนดเทียบกับเดือนก่อนหน้านี้ ตัวชี้วัดดังกล่าวคำนวณโดยอ้างอิงสถิติจากร้านค้าปลีกนับพัน จากนั้นจึงคาดการณ์ข้อมูลไปยังทั้งประเทศ
ตัวชี้วัดดังกล่าวประเมินกิจกรรมของผู้บริโภคและเงินเฟ้อ การเติบโตของตัวชี้วัดอาจส่งผลเชิงบวกต่อราคา CAD
ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.9% เป็น $66.4 พันล้านดอลลาร์ในเดือนกรกฎาคม โดยได้แรงหนุนจากตัวแทนจำหน่ายยานยนต์และชิ้นส่วน ยอดค้าปลีกหลักเพิ่มขึ้น 0.6% และปริมาณการขายรวมเพิ่มขึ้น 1.0% ยอดขายเพิ่มขึ้นในเจ็ดจากเก้าสาขาย่อยและแปดจังหวัด ยอดขายอีคอมเมิร์ซเพิ่มขึ้น 3.4% คิดเป็น 6.1% ของการค้าปลีกทั้งหมด ประมาณการเบื้องต้นระบุว่ายอดขายเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนสิงหาคม
นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์การปรับตัวขึ้นเล็กน้อยที่ 0.2%
วันอังคารที่ 22 ตุลาคม: GE (General Electric)
วันอังคารที่ 22 ตุลาคม: GM (General Motors)
วันพุธที่ 23 ตุลาคม: KO (The Coca-Cola Company)
วันพุธที่ 23 ตุลาคม: TSLA (Tesla, Inc.)
โดยสรุปแล้ว สัปดาห์ของวันที่ 21-25 ตุลาคม 2024 จะเป็นสัปดาห์ที่สำคัญสำหรับทั้งตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจและรายงานผลประกอบการ ซึ่งจะให้ข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญเกี่ยวกับตลาดโลก ด้วยการตัดสินใจของธนาคารกลางที่สำคัญ ข้อมูลประมาณการ PMI และรายงานผลประกอบการของบริษัทจากผู้เล่นที่สำคัญ เช่น General Electric, General Motors, Coca-Cola และ Tesla นักลงทุนและนักวิเคราะห์จะติดตามเหตุการณ์เหล่านี้อย่างใกล้ชิดเพื่อวัดสุขภาพทางเศรษฐกิจและทิศทางของตลาด ผลลัพธ์จากตัวชี้วัดและผลประกอบการเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะกำหนดความเชื่อมั่นของตลาดและส่งผลต่อการตัดสินใจนโยบายทางการเงินในเศรษฐกิจที่สำคัญต่าง ๆ ในอนาคต