หมายเหตุสำคัญ!
เราใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดบนเว็บไซต์ของเรา
ด้วยการคลิกที่ ‘ตกลง’ คุณได้ยอมรับการใช้คุกกี้ของเราตามที่อธิบายไว้ใน นโยบายคุกกี้
ในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน 2025 คู่เงิน EURAUD แสดงแนวโน้มขาขึ้นอย่างชัดเจน ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศ โดยสกุลเงินยูโรได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจในยุโรปที่ปรับตัวดีขึ้น ในขณะที่เงินดอลลาร์ออสเตรเลียเผชิญกับแรงกดดันจากความคาดหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ในอนาคตอันใกล้
ในวันที่ 28 มีนาคม 2025 คู่เงิน EURAUD มีการซื้อขายที่ประมาณ 1.7210 ซึ่งเป็นการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากระดับ 1.70691 ในเดือนมกราคม 2025 ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของคู่เงินนี้ ได้แก่ ความกังวลเกี่ยวกับนโยบายภาษีการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ที่มีกำหนดบังคับใช้ในวันที่ 2-3 เมษายน 2025 ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการค้าและการเติบโตทางเศรษฐกิจโลก
การตัดสินใจของธนาคารกลางออสเตรเลียเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2025 ที่คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.1% เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงคาดการณ์ถึงโอกาสสูงถึง 75% ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันเงินดอลลาร์ออสเตรเลียในระยะสั้นถึงระยะกลาง
จากการวิเคราะห์ข้อมูลทางเทคนิคในหลายกรอบเวลา พบว่าตัวชี้วัดส่วนใหญ่ยังคงสนับสนุนแนวโน้มขาขึ้น โดยเฉพาะในกรอบเวลา H4 และ D1 สัญญาณจาก RSI และ MACD สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของราคาที่อยู่เหนือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่หลายช่วง ซึ่งบ่งชี้ถึงแรงซื้อที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้จะมีการพักตัวในบางช่วงเวลา
ในช่วงต้นเดือนเมษายน 2025 นักลงทุนควรให้ความสำคัญกับการติดตามปฏิกิริยาของตลาดต่อการบังคับใช้นโยบายภาษีของสหรัฐฯ ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญทั้งจากยุโรปและออสเตรเลีย เพื่อประเมินทิศทางระยะสั้นและระยะกลางของคู่เงิน EURAUD ให้ได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
ในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน 2025 มีเหตุการณ์เศรษฐกิจสำคัญหลายประการที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเคลื่อนไหวของคู่เงิน EURAUD ผู้เทรดควรให้ความสำคัญกับเหตุการณ์เหล่านี้เพื่อประเมินทิศทางของตลาดได้อย่างแม่นยำ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้กำหนดให้นโยบายภาษีการค้าใหม่มีผลบังคับใช้ในวันที่ 2-3 เมษายน 2025 ซึ่งรวมถึงภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกันทั่วโลกและภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% มาตรการเหล่านี้สร้างความกังวลอย่างมากในตลาดการเงินโลก ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น คาซูโอะ อุเอดะ ได้แสดงความกังวลว่านโยบายดังกล่าวอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการค้าและการเติบโตทางเศรษฐกิจโลก
ผลกระทบต่อคู่เงิน EURAUD: ความไม่แน่นอนนี้ทำให้เกิดความผันผวนในตลาด โดยนักลงทุนมองว่าสกุลเงินยูโรอาจได้รับผลกระทบน้อยกว่าดอลลาร์ออสเตรเลีย เนื่องจากเศรษฐกิจออสเตรเลียมีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับประเทศจีนซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของนโยบายภาษีใหม่ของสหรัฐฯ
ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยที่ 4.1% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แม้ว่าผู้ว่าการธนาคารกลาง Bullock จะมีท่าทีค่อนข้างแข็งกร้าว โดยกล่าวว่าการลดอัตราดอกเบี้ยไม่ได้ถูกพูดถึงในการประชุมครั้งนี้ แต่ตลาดยังคงคาดการณ์ถึงโอกาสสูงถึง 75% ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพฤษภาคม
ผลกระทบต่อคู่เงิน EURAUD: การคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตส่งผลให้เงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงเล็กน้อยหลังการประชุม ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนแนวโน้มการแข็งค่าของคู่เงิน EURAUD
ข้อมูล CPI ของยูโรโซนเดือนมีนาคมแสดงค่า CPI (Y/Y) ที่ 2.2% (คาดการณ์ 2.2%; ก่อนหน้า 2.3%) และ CPI (M/M) ที่ 0.6% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจากโซนยูโรมีการชะลอตัวลงเล็กน้อย แต่ยังคงอยู่เหนือเป้าหมาย 2% ของธนาคารกลางยุโรป (ECB)
ผลกระทบต่อคู่เงิน EURAUD: แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลง แต่การที่ตัวเลขยังคงอยู่เหนือเป้าหมายทำให้ ECB มีแนวโน้มที่จะยังคงรักษานโยบายการเงินในปัจจุบัน ซึ่งสนับสนุนความแข็งแกร่งของสกุลเงินยูโร
ในช่วงเวลาดังกล่าว มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงดัชนี PMI และข้อมูล GDP ที่แสดงถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีอัตราชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า
ผลกระทบต่อคู่เงิน EURAUD: ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งกว่าคาดการณ์จากสหรัฐฯ ส่งผลต่อนโยบายการเงินและความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจโลก ซึ่งมีอิทธิพลต่อทั้งสกุลเงินยูโรและดอลลาร์ออสเตรเลีย โดยมีผลกระทบโดยอ้อมต่อคู่เงิน EURAUD
ข้อมูล CPI ของออสเตรเลียมีกำหนดเผยแพร่ในวันที่ 30 เมษายน 2025 ซึ่งเป็นตัวเลขสำคัญที่จะส่งผลต่อการตัดสินใจของธนาคารกลางออสเตรเลียในการประชุมเดือนพฤษภาคม
ผลกระทบที่คาดการณ์ต่อคู่เงิน EURAUD: หากตัวเลขเงินเฟ้อชะลอตัวลงตามคาดการณ์ จะเพิ่มโอกาสในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ RBA ซึ่งอาจส่งผลให้เงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงและคู่เงิน EURAUD ปรับตัวสูงขึ้น
การวิเคราะห์กราฟคู่เงิน EURAUD ในหลายกรอบเวลาแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจน โดยมีปัจจัยทางเทคนิคหลายประการที่สนับสนุนการเคลื่อนไหวนี้ ผู้เทรดสามารถใช้ข้อมูลนี้เพื่อระบุจุดเข้าซื้อขายที่เหมาะสมและเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการเทรด
ในกรอบเวลารายวัน คู่เงิน EURAUD แสดงแนวโน้มขาขึ้นอย่างชัดเจนตั้งแต่เดือนมกราคม 2025 โดยราคาเคลื่อนไหวอยู่เหนือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (SMA) ทั้ง 4 ช่วง ซึ่งเป็นสัญญาณของแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง
ค่า RSI ในกรอบเวลานี้อยู่ที่ประมาณ 60-65 ซึ่งแสดงถึงโมเมนตัมที่แข็งแกร่ง แต่ยังไม่ถึงระดับที่มีการซื้อมากเกินไป (Overbought) ที่ 70 ขึ้นไป นอกจากนี้ เส้น MACD ยังคงอยู่เหนือเส้น Signal และมีค่า Histogram เป็นบวก ซึ่งเป็นสัญญาณยืนยันแนวโน้มขาขึ้น
ที่น่าสนใจคือ การเกิด Up Fractal ในช่วงปลายเดือนมีนาคม ซึ่งบ่งชี้ถึงจุดสำคัญที่อาจเป็นแนวรับในอนาคตหากมีการย่อตัวของราคา
ในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง ราคามีการเคลื่อนไหวในลักษณะของการสร้างจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง (Higher Highs และ Higher Lows) ซึ่งเป็นลักษณะของแนวโน้มขาขึ้นตามทฤษฎี Dow Theory ราคายังคงเคลื่อนไหวอยู่เหนือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ SMA ทั้ง 4 ช่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง SMA #1 (ระยะสั้น) และ SMA #2 (ระยะกลาง) ซึ่งกำลังแยกตัวห่างจาก SMA #3 และ SMA #4 (ระยะยาว) มากขึ้น บ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้นที่เร่งตัว
ตัวชี้วัด Stochastic (%K และ %D) แสดงสัญญาณซื้อ โดยมีค่าอยู่ในช่วง 60-70 และยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปอีก ในขณะที่ค่า RSI อยู่ที่ประมาณ 55-60 ซึ่งยังมีพื้นที่สำหรับการปรับตัวเพิ่มขึ้นก่อนที่จะเข้าสู่ภาวะซื้อมากเกินไป
ในกรอบเวลาที่สั้นลง เช่น H1 และ M30 ราคามีการพักตัวในบางช่วง แต่ยังคงรักษาแนวโน้มขาขึ้นในภาพรวม โดยราคามักเคลื่อนไหวระหว่างค่า SMA #1 และ SMA #2 ซึ่งทำหน้าที่เป็นแนวรับและแนวต้านระยะสั้น ตามลำดับ
สังเกตได้ว่ามีการเกิด Regular Bullish (รูปแบบกลับตัวขาขึ้น) หลายครั้งในช่วงที่ราคาทดสอบแนวรับสำคัญ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าสถานะซื้อ ในขณะเดียวกัน เมื่อเกิด Regular Bearish (รูปแบบกลับตัวขาลง) มักเป็นเพียงการพักตัวชั่วคราวเท่านั้น ไม่ได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงแนวโน้มหลัก
สำหรับผู้เทรดระยะสั้น การวิเคราะห์กรอบเวลา M15 และ M5 ให้ข้อมูลเกี่ยวกับจังหวะการเข้าซื้อขายที่เหมาะสม โดยในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน 2025 เราพบว่ามีการเกิด Divergence ระหว่างราคาและค่า RSI ในบางช่วง ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการกลับตัวระยะสั้น
อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวของเส้น MACD และ Signal ในกรอบเวลาเหล่านี้ยังคงสนับสนุนแนวโน้มขาขึ้นในภาพรวม โดยมีการตัดกันของเส้นทั้งสองในลักษณะที่สร้างสัญญาณซื้อ (Golden Cross) มากกว่าสัญญาณขาย (Death Cross)
จากการวิเคราะห์ในทุกกรอบเวลา เราพบรูปแบบกราฟที่สำคัญดังนี้:
โดยสรุป การวิเคราะห์กราฟคู่เงิน EURAUD แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่งในทุกกรอบเวลา โดยได้รับการสนับสนุนจากปัจจัยทางเทคนิคที่หลากหลาย ทั้งค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ตัวชี้วัดโมเมนตัม และรูปแบบกราฟเชิงเทคนิค ผู้เทรดควรมองหาโอกาสเข้าซื้อเมื่อราคาทดสอบแนวรับสำคัญ โดยใช้การยืนยันจากตัวชี้วัดหลายตัวเพื่อเพิ่มความมั่นใจในการเทรด
การระบุระดับแนวต้านที่สำคัญเป็นองค์ประกอบสำคัญในการวางแผนการเทรดที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการกำหนดเป้าหมายกำไรและการบริหารความเสี่ยง จากการวิเคราะห์ข้อมูลราคาของคู่เงิน EURAUD ในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเมษายน 2025 เราสามารถระบุแนวต้านที่สำคัญได้ดังนี้
ระดับ 1.7250 เป็นแนวต้านที่สำคัญซึ่งเกิดจากจุดสูงสุดในช่วงกลางเดือนมีนาคม 2025 ราคาได้ทดสอบระดับนี้หลายครั้งแต่ยังไม่สามารถยืนเหนือระดับนี้ได้อย่างมั่นคง การทะลุผ่านแนวต้านนี้จะเป็นสัญญาณที่แข็งแกร่งของการเคลื่อนไหวขาขึ้นต่อไป เนื่องจากเป็นการยืนยันรูปแบบของจุดสูงสุดที่สูงขึ้น (Higher High) ในแนวโน้มขาขึ้นปัจจุบัน
ปริมาณการซื้อขายที่ระดับนี้ค่อนข้างสูง สังเกตได้จากการที่ราคามักเกิดการพักตัวเมื่อเข้าใกล้ระดับนี้ โดยเฉพาะในกรอบเวลา H1 และ H4 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแรงต้านที่มีนัยสำคัญ
ช่วงระดับ 1.7320-1.7350 เป็นโซนแนวต้านสำคัญที่เกิดจากจุดสูงสุดในช่วงต้นปี 2025 ระดับนี้ยังไม่ได้รับการทดสอบซ้ำในช่วงเวลาที่วิเคราะห์ แต่มีความสำคัญเชิงจิตวิทยาเนื่องจากเป็นจุดสูงสุดเดิมก่อนที่จะเกิดการปรับฐานในเดือนกุมภาพันธ์ 2025
ค่า Fibonacci Extension 161.8% จากการเคลื่อนไหวขาลงล่าสุดยังชี้ไปที่บริเวณนี้ ทำให้มีความน่าสนใจเป็นพิเศษสำหรับการตั้งเป้าหมายกำไรในระยะกลาง นอกจากนี้ ในกรอบเวลา D1 ยังพบว่ามี Up Fractal เก่าในบริเวณใกล้เคียงกับระดับนี้ ซึ่งอาจทำหน้าที่เป็นแนวต้านเมื่อราคาเคลื่อนที่เข้าใกล้
โซนแนวต้าน 1.7400-1.7450 เป็นระดับจิตวิทยาสำคัญที่ยังไม่เคยถูกทดสอบในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แต่มีความสำคัญในฐานะเป้าหมายระยะยาวสำหรับการเคลื่อนไหวในปัจจุบัน ค่า Fibonacci Projection 261.8% จากการเคลื่อนไหวขาขึ้นก่อนหน้าชี้ไปที่ระดับนี้ และหากมีการทะลุผ่านแนวต้านที่ 1 และ 2 อย่างมีนัยสำคัญ ระดับนี้จะกลายเป็นเป้าหมายถัดไป
การวิเคราะห์รูปแบบกราฟระยะยาวใน timeframe รายวัน (D1) แสดงให้เห็นว่าราคามีแนวโน้มที่จะทดสอบระดับนี้หากยังคงรักษาโมเมนตัมขาขึ้นไว้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากได้รับแรงหนุนจากปัจจัยพื้นฐาน เช่น การลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางออสเตรเลียในเดือนพฤษภาคม 2025
ระดับ 1.7500 เป็นแนวต้านจิตวิทยาสำคัญเนื่องจากเป็นตัวเลขกลม ซึ่งมักมีแรงต้านเชิงจิตวิทยาสูง ระดับนี้ยังสอดคล้องกับจุดสูงสุดทางประวัติศาสตร์ในช่วงเวลาที่ผ่านมาหลายปี ทำให้เป็นเป้าหมายระยะยาวที่สำคัญหากแนวโน้มขาขึ้นยังคงมีความแข็งแกร่ง
หากนำรูปแบบ Ascending Triangle ที่กำลังก่อตัวในปัจจุบันมาคำนวณเป้าหมายราคา โดยใช้ความสูงของรูปแบบบวกกับจุดที่ราคาทะลุออกไป เราจะได้เป้าหมายที่สอดคล้องกับระดับ 1.7500 นี้ ทำให้มีความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้นในฐานะเป้าหมายระยะยาว
การเทรดที่ระดับแนวต้านสำคัญควรพิจารณาดังนี้:
การเข้าใจและติดตามระดับแนวต้านที่สำคัญเหล่านี้จะช่วยให้ผู้เทรดสามารถวางแผนการซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งในแง่ของการกำหนดเป้าหมายกำไร การบริหารความเสี่ยง และการตัดสินใจเกี่ยวกับจังหวะการเข้าและออกจากตลาด
การระบุระดับแนวรับที่สำคัญเป็นส่วนสำคัญของการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ครบถ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะตลาดที่มีแนวโน้มชัดเจนเช่นคู่เงิน EURAUD ในปัจจุบัน แนวรับเหล่านี้ไม่เพียงช่วยในการหาจุดเข้าซื้อที่เหมาะสมเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดสำคัญสำหรับการตั้งค่าจุดตัดขาดทุนเพื่อบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ จากการวิเคราะห์ข้อมูลราคาในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน 2025 เราสามารถระบุแนวรับที่สำคัญได้ดังนี้
บริเวณ 1.7180-1.7200 เป็นโซนแนวรับสำคัญในระยะสั้น ซึ่งเกิดจากจุดต่ำสุดในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2025 ระดับนี้ได้รับการทดสอบหลายครั้งและราคาสามารถยืนเหนือระดับนี้ได้อย่างมั่นคง แสดงให้เห็นถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่งในบริเวณนี้
ระดับนี้ยังสอดคล้องกับค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ SMA #2 ในกรอบเวลา H4 ซึ่งทำหน้าที่เป็นแนวรับเคลื่อนที่ในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังมี Up Fractal ที่เกิดขึ้นในบริเวณใกล้เคียงกับระดับนี้ในกรอบเวลา D1 ซึ่งเป็นการยืนยันความสำคัญของระดับแนวรับนี้
โซนแนวรับ 1.7100-1.7120 มีความสำคัญทั้งในเชิงประวัติการซื้อขายและเชิงจิตวิทยา เนื่องจากเป็นระดับที่มีการต่อสู้ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายอย่างหนักในช่วงต้นเดือนมีนาคม 2025 ก่อนที่ราคาจะทะลุขึ้นไปและสร้างแนวโน้มขาขึ้นอย่างชัดเจน
ระดับนี้ยังตรงกับค่า Fibonacci Retracement 38.2% ของการเคลื่อนไหวขาขึ้นจากจุดต่ำสุดในเดือนกุมภาพันธ์ถึงจุดสูงสุดล่าสุด ซึ่งทำให้มีความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้นในฐานะแนวรับทางเทคนิค นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ SMA #3 ในกรอบเวลา D1 ซึ่งเป็นตัวชี้วัดแนวโน้มระยะกลางที่สำคัญ
ระดับ 1.7050 เป็นแนวรับสำคัญที่เกิดจากจุดต่ำสุดในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ก่อนที่ราคาจะเริ่มแนวโน้มขาขึ้นปัจจุบัน การหลุดลงต่ำกว่าระดับนี้อาจบ่งชี้ถึงการสิ้นสุดของแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้นถึงระยะกลาง และอาจนำไปสู่การปรับฐานที่ลึกขึ้น
ระดับนี้ยังสอดคล้องกับค่า Fibonacci Retracement 50% ของการเคลื่อนไหวขาขึ้นเดียวกัน และยังตรงกับค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ SMA #4 ในกรอบเวลา D1 ซึ่งเป็นตัวชี้วัดแนวโน้มระยะยาว การที่มีการรวมกันของหลายปัจจัยทางเทคนิคทำให้ระดับนี้มีความสำคัญเป็นพิเศษในฐานะแนวรับหลัก
โซนแนวรับ 1.6950-1.7000 เป็นระดับจิตวิทยาสำคัญเนื่องจากรวมถึงระดับตัวเลขกลม 1.7000 ซึ่งมักมีแรงซื้อเชิงจิตวิทยาสูง นอกจากนี้ ยังเป็นบริเวณจุดต่ำสุดในช่วงเดือนมกราคม 2025 ก่อนที่ราคาจะเริ่มการเคลื่อนไหวขาขึ้นระยะยาว
ระดับนี้สอดคล้องกับค่า Fibonacci Retracement 61.8% ของการเคลื่อนไหวขาขึ้นตั้งแต่จุดต่ำสุดในเดือนมกราคม 2025 จนถึงจุดสูงสุดล่าสุด ซึ่งเป็นระดับ Fibonacci ที่มีความสำคัญมาก หากราคาหลุดลงมาต่ำกว่าระดับนี้ อาจเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มจากขาขึ้นเป็นขาลงในระยะกลางถึงระยะยาว
การเทรดที่ระดับแนวรับสำคัญควรพิจารณาดังนี้:
การเข้าใจและติดตามระดับแนวรับที่สำคัญเหล่านี้จะช่วยให้ผู้เทรดสามารถวางแผนการซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งในแง่ของการหาจุดเข้าซื้อที่มีความเสี่ยงต่ำและผลตอบแทนสูง การตั้งจุดตัดขาดทุนที่เหมาะสม และการประเมินโอกาสความสำเร็จของการเทรดโดยรวม
ปัจจัยพื้นฐานมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางและความแข็งแกร่งของแนวโน้มคู่เงิน EURAUD โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจสูงเช่นปัจจุบัน การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานอย่างละเอียดจะช่วยให้ผู้เทรดเข้าใจแรงขับเคลื่อนหลักที่อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของราคา และสามารถคาดการณ์ทิศทางในอนาคตได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
ความแตกต่างระหว่างนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของคู่เงิน EURAUD ในปัจจุบัน
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยังคงรักษานโยบายการเงินที่เข้มงวดเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนยังคงอยู่เหนือเป้าหมาย 2% แม้ว่าข้อมูล CPI ล่าสุดจะแสดงการชะลอตัวลงเล็กน้อยที่ 2.2% (Y/Y) แต่ ECB ยังมีแนวโน้มที่จะยังไม่เริ่มลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร่งด่วน โดยอาจรอให้มีความมั่นใจมากขึ้นว่าเงินเฟ้อจะกลับเข้าสู่เป้าหมายอย่างยั่งยืน
ในทางตรงกันข้าม ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) แม้จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 4.1% ในการประชุมล่าสุดเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2025 แต่ตลาดคาดการณ์ถึงโอกาสสูงถึง 75% ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพฤษภาคม ซึ่งจะขึ้นอยู่กับข้อมูล CPI ที่มีกำหนดเผยแพร่ในวันที่ 30 เมษายน 2025
ความแตกต่างนี้สร้างแรงกดดันต่อสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) และสนับสนุนการแข็งค่าของคู่เงิน EURAUD ในระยะสั้นถึงระยะกลาง
นโยบายภาษีการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ที่มีกำหนดบังคับใช้ในวันที่ 2-3 เมษายน 2025 มีผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อคู่เงิน EURAUD โดยมีรายละเอียดดังนี้
ออสเตรเลียมีความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดกับจีน ซึ่งเป็นประเทศที่อาจได้รับผลกระทบโดยตรงจากนโยบายภาษีใหม่ของสหรัฐฯ การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนอันเนื่องมาจากมาตรการภาษีอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ของออสเตรเลีย เช่น แร่เหล็ก ถ่านหิน และสินค้าเกษตร ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจออสเตรเลีย
ในขณะเดียวกัน ยุโรปอาจได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% ซึ่งจะส่งผลต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ของยุโรป อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจยุโรปมีความหลากหลายมากกว่าและไม่ได้พึ่งพาการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ในระดับเดียวกับที่ออสเตรเลียพึ่งพาการส่งออกไปยังจีน
ความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของนโยบายภาษีต่อการค้าโลกอาจทำให้เกิดการไหลเข้าของเงินทุนสู่สินทรัพย์ปลอดภัย (Safe-haven) ซึ่งอาจรวมถึงสกุลเงินยูโรในบางสถานการณ์ ในขณะที่สกุลเงินที่มีความเสี่ยงสูงกว่า เช่น ดอลลาร์ออสเตรเลีย อาจเผชิญกับแรงกดดัน
ความแตกต่างของสภาพเศรษฐกิจระหว่างยุโรปและออสเตรเลียเป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งที่ส่งผลต่อคู่เงิน EURAUD
เศรษฐกิจยุโรปแสดงสัญญาณการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยข้อมูลดัชนี PMI ล่าสุดบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคการผลิตและบริการ แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงอยู่เหนือเป้าหมาย แต่การชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาว
ในทางตรงกันข้าม เศรษฐกิจออสเตรเลียกำลังเผชิญกับความท้าทายจากการชะลอตัวของตลาดที่อยู่อาศัยและการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ลดลงอันเนื่องมาจากอัตราดอกเบี้ยที่สูง นอกจากนี้ การพึ่งพาการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ไปยังจีนทำให้เศรษฐกิจออสเตรเลียมีความเปราะบางต่อความเสี่ยงจากภายนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมทางการค้าโลกที่ตึงเครียดในปัจจุบัน
ความแตกต่างของแนวโน้มการเติบโตระหว่างสองภูมิภาคนี้สนับสนุนการแข็งค่าของสกุลเงินยูโรเมื่อเทียบกับดอลลาร์ออสเตรเลีย ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มขาขึ้นของคู่เงิน EURAUD ที่เราเห็นในปัจจุบัน
ความสัมพันธ์ระหว่างคู่เงิน EURAUD และราคาสินค้าโภคภัณฑ์โลกเป็นอีกปัจจัยที่ควรพิจารณาในการวิเคราะห์ทางพื้นฐาน
ดอลลาร์ออสเตรเลียมีความสัมพันธ์เชิงบวกอย่างใกล้ชิดกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแร่เหล็กและทองคำ ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของออสเตรเลีย ในช่วงที่ผ่านมา ราคาสินค้าโภคภัณฑ์มีการผันผวนเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดทางการค้าและการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน
หากนโยบายภาษีการค้าของสหรัฐฯ ส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตของเศรษฐกิจโลก อาจนำไปสู่การปรับตัวลดลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งจะกดดันสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียและสนับสนุนการแข็งค่าของคู่เงิน EURAUD ในระยะสั้น
นอกจากนี้ ความผันผวนของราคาน้ำมันอาจส่งผลกระทบที่แตกต่างกันต่อเศรษฐกิจยุโรปและออสเตรเลีย โดยยุโรปเป็นผู้นำเข้าน้ำมันสุทธิ ในขณะที่ออสเตรเลียเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้ส่งออกพลังงาน การเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันจึงอาจมีผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างสกุลเงินทั้งสอง
จากการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานทั้งหมด เราสามารถสรุปการคาดการณ์ระยะกลางถึงระยะยาวสำหรับคู่เงิน EURAUD ได้ดังนี้:
ในระยะสั้นถึงระยะกลาง (1-3 เดือน) คู่เงิน EURAUD มีแนวโน้มที่จะยังคงแนวโน้มขาขึ้นไว้ได้ โดยได้รับแรงหนุนจากความแตกต่างของนโยบายการเงินระหว่าง ECB และ RBA โดยเฉพาะอย่างยิ่งหาก RBA เริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนพฤษภาคม 2025 ความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของนโยบายภาษีการค้าต่อเศรษฐกิจออสเตรเลียและจีนยังเป็นปัจจัยสนับสนุนเพิ่มเติมสำหรับแนวโน้มนี้
ในระยะยาว (3-6 เดือนขึ้นไป) ทิศทางของคู่เงินจะขึ้นอยู่กับการพัฒนาของนโยบายการเงินและเศรษฐกิจโลกในภาพรวม หาก ECB เริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 และเศรษฐกิจจีนเริ่มฟื้นตัวจากผลกระทบของนโยบายภาษีการค้า อาจทำให้แนวโน้มขาขึ้นของคู่เงิน EURAUD ชะลอตัวลงหรือกลับทิศทาง
จากการวิเคราะห์ทั้งปัจจัยทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานของคู่เงิน EURAUD ในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน 2025 เราสามารถสรุปภาพรวมและแนวโน้มของตลาดได้อย่างชัดเจน พร้อมทั้งนำเสนอกลยุทธ์การเทรดที่เหมาะสมสำหรับช่วงเวลานี้
คู่เงิน EURAUD แสดงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่งในทุกกรอบเวลา โดยมีการเคลื่อนไหวจากระดับ 1.70691 ในเดือนมกราคม 2025 มาสู่ระดับประมาณ 1.7210 ในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2025 ปัจจัยทางเทคนิคสนับสนุนแนวโน้มนี้อย่างชัดเจน ทั้งจากการวิเคราะห์ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ตัวชี้วัดโมเมนตัม และรูปแบบกราฟเชิงเทคนิค ซึ่งล้วนบ่งชี้ถึงแรงซื้อที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญสนับสนุนการแข็งค่าของคู่เงินนี้ ได้แก่ ความแตกต่างของนโยบายการเงินระหว่างธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) โดย RBA มีแนวโน้มที่จะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนพฤษภาคม 2025 ในขณะที่ ECB อาจยังคงรักษานโยบายการเงินที่เข้มงวดไว้นานกว่า นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของนโยบายภาษีการค้าของสหรัฐฯ ต่อเศรษฐกิจออสเตรเลียและจีน ซึ่งมีความเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด เป็นอีกปัจจัยที่กดดันสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียและสนับสนุนแนวโน้มขาขึ้นของคู่เงิน EURAUD
แนวรับสำคัญสำหรับคู่เงินนี้อยู่ที่ระดับ 1.7180-1.7200, 1.7100-1.7120, 1.7050 และ 1.6950-1.7000 ซึ่งผู้เทรดสามารถใช้เป็นจุดเข้าซื้อที่มีความเสี่ยงต่ำและเป็นจุดตั้งจุดตัดขาดทุนที่เหมาะสม ในขณะที่แนวต้านสำคัญอยู่ที่ระดับ 1.7250, 1.7320-1.7350, 1.7400-1.7450 และ 1.7500 ซึ่งสามารถใช้เป็นเป้าหมายกำไรในระดับต่างๆ
กลยุทธ์การเทรดที่แนะนำสำหรับคู่เงิน EURAUD ในช่วงเวลานี้ ได้แก่:
ปัจจัยเสี่ยงที่ผู้เทรดควรติดตามอย่างใกล้ชิด ได้แก่ การประกาศตัวเลข CPI ของออสเตรเลียในวันที่ 30 เมษายน 2025 ซึ่งจะส่งผลต่อการตัดสินใจของ RBA ในการประชุมเดือนพฤษภาคม และปฏิกิริยาของตลาดต่อการบังคับใช้นโยบายภาษีการค้าของสหรัฐฯ ในวันที่ 2-3 เมษายน 2025 การเปลี่ยนแปลงอย่างไม่คาดคิดในปัจจัยเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดความผันผวนอย่างมากในคู่เงิน EURAUD
สำหรับการบริหารความเสี่ยง ผู้เทรดควรจำกัดความเสี่ยงไม่เกิน 1-2% ของเงินทุนในแต่ละการซื้อขาย ใช้อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk-Reward Ratio) ที่อย่างน้อย 1:2 และพิจารณาใช้ Trailing Stop เพื่อปกป้องกำไรเมื่อราคาเคลื่อนที่ในทิศทางที่คาดการณ์ไว้
โดยสรุป คู่เงิน EURAUD แสดงโอกาสการเทรดที่น่าสนใจในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน 2025 ด้วยแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจนและปัจจัยพื้นฐานที่สนับสนุน ผู้เทรดที่สามารถวิเคราะห์ตลาดอย่างรอบคอบและใช้กลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสมมีโอกาสประสบความสำเร็จในการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของคู่เงินนี้ อย่างไรก็ตาม ควรติดตามสถานการณ์ตลาดและปัจจัยพื้นฐานอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลง